svasdssvasds

วิธีรับมือกับความเครียดหลังตกงาน

วิธีรับมือกับความเครียดหลังตกงาน

การตกงานนับเป็นประสบการณ์ที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจ ทำให้หลายๆ คนเกิดอาการเครียด หดหู่ นึกไปถึงการตัดสินใจหลายๆ อย่างในชีวิต อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรมุ่งเน้นความคิดไปที่การมองหางานใหม่และการดูแลอารมณ์และความรู้สึกรวมถึงสภาพจิตใจให้ดี

หลังจากตกงาน ต้องให้เวลากับตัวเองในการปรับตัวและยอมรับความรู้สึก คิดเสียว่าการสูญเสียงานเป็นเรื่องล้มเหลวเพียงชั่วคราวเท่านั้น คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็เคยล้มเช่นกัน แต่พวกเขาเลือกเรียนรู้มันเป็นประสบการณ์แล้วเริ่มใหม่อีกครั้ง

ดร.เมลานี กรีนเบิร์ก นักจิตวิทยา แนะนำให้มุ่งเน้นความคิดไปที่การมองหางานใหม่และการดูแลอารมณ์และความรู้สึกรวมถึงสภาพจิตใจให้ดี

การดูแลสุขภาพจิตใจให้ดี

หากต้องตกงานอย่างกะทันหัน กรีนเบิร์กกล่าวว่า การวางแผนงานในอนาคตเป็นขั้นตอนสำคัญ แต่ต้องใส่ใจต่อสุขภาพจิตด้วย ต้องรับมือกับผลกระทบทางอารมณ์ที่หดหู่ โดยพยายามจัดเวลาไปออกกำลังกายและทำกิจกรรมจิตอาสา รวมถึงทำสมาธิด้วย จะช่วยให้เห็นสภาวะจิตใจของตนเองและสามารถจัดการกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมได้ กิจกรรมเหล่านี้สามารถทำได้ง่ายกว่าการหาที่เรียนหรืออบรมในช่วงที่ไม่มีรายได้แบบนี้ ยิ่งในปัจจุบันมีแอปพลิเคชันดีดีในการสอนออกกำลังกาย สอนทำสมาธิแถมยังฟรีอีกด้วย

ในช่วงเวลาตกงานนับเป็นโอกาสดีในการค้นหาคุณค่าของตัวคุณเอง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ตกงานมักชอบปลีกวิเวกอยู่กับตัวเอง ไม่ต้องการคุยกับใคร พฤติกรรมนี้กลับจะยิ่งทำให้หดหู่คิดลบมากยิ่งขึ้น ควรพาตัวเองเข้าสังคม ไปทำกิจกรรมต่างๆ หรือทำจิตอาสาให้ได้มากที่สุด ยิ่งได้พบปะผู้คนใหม่ๆ ได้พูดคุยกับคนอาจทำให้จุดประกายความคิดหรือได้รับโอกาสโดยไม่ตั้งใจก็ได้

สร้างกิจวัตร

เพื่อป้องกันอาการซึมเศร้า การหากิจวัตรทำช่วยได้มาก เช่น ประมาณ 7 โมงเช้าเริ่มทำงานบ้านก่อนที่จะทำงาน งานในที่นี่ยกตัวอย่างเช่น เขียนงานไอเดียต่างๆ ติดตามข่าวสาร โดยแต่งตัวในแบบเดียวกับที่ไปทำงานเต็มเวลา แต่เปลี่ยนสถานที่ทำเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราแทน อาจจัดสัดส่วนเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ ภายในบ้านขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศความเป็นมืออาชีพให้มากที่สุด ตัวช่วยที่ดีอีกอย่างคือการวางแผนลงในปฏิทิน อาทิ 9.00-12.00น.ค้นหางาน 12.00-13.00น.เป็นเวลาอาหารกลางวัน 13.00-15.00น.ทำงานอิสระ และ 16.00-17.00น.อัปเดตเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ หรือแม้แต่รีซูเม่ เป็นต้น

ตั้งเป้าหมายระยะสั้นพร้อมให้รางวัลกับตัวเอง

พยายามบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เป็นรายวันและรายสัปดาห์ เช่นการส่งประวัติส่วนตัวตามที่ต่างๆ ให้ได้ 5 ที่ต่อสัปดาห์ หรือการสร้างเพื่อนใหม่อย่างน้อยห้าคน และใช้เวลาในการรักษาสุขภาพด้วยการทำโยคะที่บ้านบ้าง และกำหนดรางวัลสำหรับการทำงานให้สำเร็จในแต่ละสัปดาห์ไว้ด้วย เพื่อสร้างคุณค่าให้กับตัวเองและสร้างความภาคภูมิใจเมื่อทำสำเร็จ แต่ไม่ควรเข้มงวดตายตัวมากเกินไป ต้องยืดหยุ่นบ้างเพื่อพร้อมที่จะจัดตารางงานใหม่เมื่อมีบริษัทติดต่อมานัดสัมภาษณ์

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การออกกำลังกายเป็นยาแก้เครียดที่มีประสิทธิภาพที่สุด สารเอ็นดอร์ฟินจะถูกปล่อยออกมาเพื่อปรับให้สมองเกิดความรู้สึกดี กระตุ้นด้วยความรู้สึกในแง่บวก อีกทั้งการออกกำลังกายยังช่วยลดห่วงยางรอบเอวได้อีกด้วย เป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับตนเองอีกทางหนึ่ง ลองตั้งเป้าหมายในการออกกำลังกายวันละ 30 นาทีขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การวิ่งออกกำลังกาย เวทเทรนนิ่ง ว่ายน้ำ ศิลปะการต่อสู้ หรือเต้นก็ได้ ความคิดของคุณจะจดจ่ออยู่กับร่างกายขณะเคลื่อนไหว ควบคุมการหายใจ สิ่งเหล่านี้ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้ดี

ดูแลด้านการกินให้ดี

สิ่งที่คุณกินเข้าไปมีผลอย่างมากต่อร่างกาย ควรลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตให้น้อยที่สุด อย่างพวกพาสต้า ขนมปังขาว มันฝรั่ง หรือเฟรนช์ฟรายส์ รวมถึงลดคาเฟอีน ไขมันทรานส์ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลด้านอารมณ์และพลังงานในร่างกาย แต่ให้กินกรดไขมันโอเมก้า 3 มากขึ้น อย่างพวกปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลากะตัก ปลาซาร์ดีน สาหร่าย เมล็ดแฟล็ก และวอลนัท นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เมื่อรู้สึกเครียด และการดื่มแอลกอฮอล์อาจลดความกังวลชั่วคราวเท่านั้น ฉะนั้นควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากจนเกินไป

นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับมีอิทธิพลอย่างมากต่ออารมณ์ ฉะนั้นในแต่ละคืนควรหลับ 7-8 ชั่วโมง แต่บางคนอาจนอนมากเกินไปหรือนอนทั้งวันหลังจากตกงาน ควรดึงตัวเองลุกจากเตียงให้ได้ อย่ามัวแต่นอนหรือทำตัวเป็นนกฮูกตื่นกลางคืนหลับกลางวัน จะส่งผลให้ระบบการทำงานของร่างกายและอารมณ์ไม่สมดุล หาเวลาทำสมาธิและโยคะบ้างทำให้สงบสติอารมณ์ได้ดีตอนสัมภาษณ์งาน

ประเมินการเงิน

เลือกการบริหารจัดการเงินเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพเป็นสำคัญ แล้วปรับงบประมาณโดยต้องไม่แตะเงินที่วางไว้ในยามเกษียณ แทนที่จะเสียค่าใช้จ่ายเยอะกับคอร์สต่างๆ ลองเปลี่ยนไปใช้ศูนย์ของชุมชน หรือออกกำลังกายรอบสวนแถวละแวกบ้านในตอนเช้าก็ได้เป็นการประหยัดไปในตัว