svasdssvasds

หากจักรพรรดินโปเลียน ชนะยุทธการ ‘วอเตอร์ลู’ โลกจะเปลี่ยนไปมหาศาลแค่ไหน

หากจักรพรรดินโปเลียน ชนะยุทธการ ‘วอเตอร์ลู’  โลกจะเปลี่ยนไปมหาศาลแค่ไหน

จักรพรรดินโปเลียน โบนาปาร์ต คือผู้พิชิตยุโรปในช่วงปี 1804 – 1814 อย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าอำนาจของเขาต้องสิ้นสุดลง หลังจากพ่ายแพ้ที่ยุทธการวอเตอร์ลู ในวันที่ 18 มิถุนายน 1815 ทำให้เราไม่มีโอกาสได้รู้ว่า หากนโปเลียนยังคงอยู่ในอำนาจ เขาจะทำอะไรกับยุโรปและโลกใบนี้ต่อไป

มีนักเขียนและผู้เชี่ยวชาญมากมาย ได้จินตนาการว่า โลกของเราจะเปลี่ยนไปมากขนาดไหน หาก นโปเลียนไม่พ่ายแพ้ในยุทธการที่วอเตอร์ลู โดยตั้งต้นจากวันที่เขาชนะ และจะทำอะไรต่อไป

เฮลมุต สตับเบ ดา ลุซ (Helmut Stubbe da Luz) นักประวัติศาสตร์นักปรัชญาและนักข่าว ชาวเยอรมันชื่อดัง ได้คาดการณ์ระยะสั้นเอาไว้ว่า หากนโปเลียนเอาชนะนายพลเวลลิงตันบนทุ่งวอเตอร์ลูได้ เขาจะเดินทัพต่อไปไกลถึงตอนเหนือของเยอรมนีเพื่อยึดเมือง ฮัมบูร์ก (Hamburg) เบรเมิน (Bremen) และลือเบกค์ (Lübeck) ให้กลับมาอยู่ใต้อำนาจฝรั่งเศส

ทว่ากองทัพของนโปเลียนจะรุกคืบไปข้างหน้าได้อีกเพียงเล็กน้อย เพราะเขาอาจต้องเจอกับความพ่ายแพ้ในสมรภูมิอื่นอีก เนื่องจากบรรดากษัตริย์ต่างๆ ในยุโรป คงจับมือกันปิดศึกใส่นโปเลียนเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำให้นโปเลียนพ่ายแพ้จนนำไปสู่การถูกเนรเทศเหมือนที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์จริงมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ข้อสันนิษฐานข้างต้นคือกรณีที่นโปเลียนนรบแพ้ในยุโรป แต่เพราะเราทุกคนต่างรู้ว่า นโปเลียนเก่งกาจแค่ไหน ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ว่า หลังจากนโปเลียนชนะยุทธการที่วอเตอร์ลู เขาจะพิชิตศัตรูทั่วทั้งยุโรปได้อย่างงดงาม และความทะเยอทะยานของเขาต่อจากนี้จะทำให้โลกเปลี่ยนไปจากประวัติศาสตร์เดิมที่เรารู้จักมาก

กำลังโหลด หากจักรพรรดินโปเลียน ชนะยุทธการ ‘วอเตอร์ลู’ โลกจะเปลี่ยนไปมหาศาลแค่ไหน Photo : Caribb

เฮลมุต กล่าวว่า นโปเลียนจะบุกรัสเซียอีกครั้ง และอาจขยายอาณาจักรของเขาไปไกลถึงจีน ซึ่งความเป็นไปได้นี้ก็ได้การสนับสนุนโดย “หลุยส์ จิออฟฟรอย (Louis Geoffroy) ” นักเขียนชาวฝรั่งเศส ที่ได้บรรยายไว้ในนิยายแนว “ประวัติศาสตร์ทางเลือก (Alternate History) ” ของเขาเรื่อง 'Napoleon and the Conquest of the World, 1812-1832' เอาไว้ว่า นโปเลียนจะทำให้จีนไม่ใช่ประเทศ แต่จะเป็นแค่จังหวัดหนึ่งในทวีปเอเชียเท่านั้น

นอกจากนี้ เฮลมุต ยังกล่าวอีกว่า อำนาจของฝรั่งเศสอาจครอบงำทวีปยุโรปถึง ศตวรรษที่ 19 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ภาษาฝรั่งเศสจะถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก และเยอรมนีคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นผู้เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 1 และสงครามครั้งที่ 2 เพราะยุโรปจะมีเสถียรภาพอย่างมาก เนื่องจากนโปเลียนวางโครงสร้างเอาไว้อย่างดี และอำนาจทางทะเลของอังกฤษจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักที่นโปเลียนใช้ในการนำความมั่งคั่งมาสู่ยุโรป

ทั้งนี้ เฮลมุตมองว่า นโปเลียนเป็นเผด็จการ แต่ไม่ใช่แบบพระเจ้าซาร์แห่งรัสเซีย และเขาจะปกครองอย่างสมดุล เหมือนที่ทำมาแล้วกับประเทศภายใต้การปกครอง อย่าง สเปน เยอรมัน ฮอลแลนด์ และอิตาลี ในสมัยที่เขาเรืองอำนาจ

นอกเหนือจากนี้ นักประวัติศาสตร์คนอื่นยังแสดงความคิดเห็นอีกว่า ยุโรปอาจมีอำนาจยิ่งกว่าสหรัฐอเมริกา โดยยุโรปหลังยุคนโปเลียนจะมีส่วนผสมของจักรวรรดิโรมัน สถาบันกษัตริย์จะยังคงมีต่อไป แต่ขณะเดียวกันก็มีความเสรีมากขึ้น เนื่องจากนโปเลียนนำการปฏิรูปแบบเสรีนิยมไปสู่ดินแดนจำนวนมากที่ยึดครอง ซึ่งอาจส่งผลให้ยุโรปเป็นศูนย์กลางของโลก รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่ประชากรในยุโรปจะทะลุเกินหนึ่งพันล้านคน และปารีสจะกลายเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในโลก

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องสนุกและน่าตื่นเต้นที่นักประวัติศาสตร์กับนักเขียนนิยายจะจินตนาการถึงโลกที่แตกต่างออกไป แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ นโปเลียน มีความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ พอๆ กับความสามารถในการทำสงคราม

หากนโปเลียนได้ครองโลกจริง ก็คงไม่มีใครบนโลกนี้เหนือกว่าเขาแล้ว นอกจาก ‘พระเจ้า’

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

 

 

related