SHORT CUT
เทศกาลละครกรุงเทพฯ (Bangkok Theatre Festival 2025) เทศกาลที่รวมศิลปะการแสดงสดมากที่สุดในไทย พร้อม "เรื่องเล่า" ที่สกัดเอาอินไซต์ของชีวิตคนเมืองมาถ่ายทอดความฝัน และความหวัง หรือบางทีอาจเป็นมุมเล็กๆที่อยู่ในใจเรา
นับถอยหลังเข้าสู่ช่วงปลายปี เป็นอีกช่วงเวลาที่หลายคนเริ่มทบทวนตัวเองว่าตลอดปีที่ผ่านมา ใช้ชีวิตเร่งรีบแค่ไหน ให้เวลากับตัวเองเพียงพอหรือยัง หรือละเลยใครไปบ้างระหว่างทาง วันนี้เราอยากชวนคุณวางความเหนื่อยล้าในชีวิต แล้วเปิด ‘พื้นที่หายใจ’ รับพลังความสร้างสรรค์ จากเหล่าศิลปินการแสดงสดที่รวมตัวกันในเทศกาลละครกรุงเทพ (Bangkok Theatre Festival 2025) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือนพฤศจิกายน มานานกว่า 23 ปี แล้ว
จากจุดเริ่มต้นที่สวนสันติชัยปราการ ขยับขยายมายัง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) และปีนี้ยังขยายไปถึง Sky Garden ของสามย่านมิตรทาวน์ นี่ไม่ใช่แค่การรวมตัวของนักแสดง แต่คือการรวมตัวของ ‘เรื่องเล่า’ นับร้อยที่พร้อมจะกระโดดออกมาจากกระดาษสู่สายตาผู้คน พื้นที่ที่ศิลปินทั้งมือเก๋าและหน้าใหม่ได้มา "ปล่อยของ" ได้ลองผิดลองถูก ได้เชื่อมโยงผู้ชมเข้ากับการแสดงที่หลากหลาย ตั้งแต่ละครพูด (Drama) ไปจนถึง Physical Theatre ที่ใช้ร่างกายสื่อสาร หรือแม้แต่การแสดงที่ใช้หุ่นและเงา
การแสดงในเทศกาลละครกรุงเทพ ไม่ได้มีแต่เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ หรือดราม่าโลกแตก แต่มันมักจะหยิบเอา ‘รอยแผล’ หรือ ‘คำถาม’ ที่ซ่อนอยู่ในชีวิตคนเมือง มาสร้างความรู้สึกร่วม ศิลปะการแสดงสดมีพลังในการสร้าง Empathy ที่สื่อรูปแบบอื่นทำได้ยาก เพราะมันคือ 'ลมหายใจ' เดียวกัน ณ ขณะนั้น ผู้ชมไม่ได้แค่ดู แต่ได้ 'สัมผัส' ผ่านลีลาที่งดงาม หรือ แม้แต่ความเงียบงันก็สามารถถูกเปลี่ยนเป็น 'ความหวัง' ผ่านโลกจินตนาการได้
เรื่องราวที่ท้าทายความจริง ที่พาเราไปสำรวจความฝันที่ถูกขโมยไป ชีวิตหลังความตายของศิลปินดังไม่ได้จบลงง่าย ๆ เมื่อ 'วิญญาณผีเสื้อ 3 นาง' ที่เป็นทั้งนักเขียน จิตรกร และนักร้องผู้โดนขโมยความฝัน กลับมาในงานไว้อาลัยเพื่อหวังทวงคืนสิ่งที่เคยเป็นของพวกเธอจาก 'ปีก' ของผู้ล่วงลับ มันคือการตั้งคำถามถึงความสำเร็จ, คำลวง, และความจริงที่ถูกบิดเบือนในวงการศิลปะ... แล้วความฝันของคุณล่ะ เคยมอบปีกให้ใครไปโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า?
ถ่ายทอดความบิดเบี้ยวของคำว่า 'บ้าน' ผ่านบทสนทนาของวัยรุ่นที่เติบโตมาต่างกัน แต่ก็พบว่าการใช้ชีวิตในบ้านมัน 'ยาก' ไม่แพ้กัน บางทีคำว่า 'บ้าน' ในเมืองนี้อาจจะไม่ได้เป็นสี่เหลี่ยมหลังคาสามเหลี่ยมเสมอไป แต่มันคือพื้นที่ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก
พูดถึงคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกชาย และใช้โลกแห่งศิลปะ จินตนาการ และความฝันที่ลูกทิ้งไว้เป็นทางออก การแสดงนี้ใช้ Multi Media และภาพวาดสื่อสารความเศร้าที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ มันชี้ให้เห็นว่า Love and Loss ในเมืองที่ทุกคนต่างแบกรับความเศร้าเงียบ ๆ นั้น... บางทีศิลปะอาจเป็นสะพานเชื่อมให้กลับมาให้อภัยตัวเองและกันและกันได้
ละครใบ้สะท้อนความเหงาของคนเมืองที่คุยได้กระทั่งกับ 'เงา' ตัวเอง เรื่องราวศิลปินเก๋าคนหนึ่งที่วีนใส่ทุกสิ่งในจักรวาลตั้งแต่วันเสาร์ อาทิตย์ ไปจนถึงดวงดาว แต่เมื่อเงาของเขาเกิดวีนกลับ ชีวิตประจำวันจึงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เป็นการใช้ Physical Movement และการเล่นเงา ที่ฉีกกฎความเหงาให้กลายเป็นศึกดวลของคนเหงาที่เท่สุด
ดัดแปลงจากเทพนิยายคลาสสิกของ Oscar Wilde เจ้าหญิงที่เคยมีชีวิตอยู่ในวังที่ไร้ความโศกเศร้า กลับต้องกลายเป็นรูปปั้นทองคำที่เห็นความทุกข์ยากของคนในเมืองอย่างเต็มตา การแสดงที่ผสาน Storytelling, Shadow Play และ Solo Violin นี้ ไม่ได้สอนแค่เรื่องการให้ แต่พาเราไปดูว่า Empathy ที่แท้จริงนั้นมันเจ็บปวดแค่ไหน... และการเลือกที่จะเป็น 'ผู้ให้' ในเมืองใหญ่นั้นต้องการความเด็ดเดี่ยวขนาดไหน
เป็นการแสดงแบบ Dance Performance ที่หยิบเอาปัญหา ขยะดอกไม้จากพวงหรีด หลังงานศพมาสร้างสรรค์ มันคือการเชื่อมโยงเรื่องความตาย ประเพณี และ Sustainability เข้าด้วยกันอย่างเจ็บแสบ ใครจะคิดว่าความสวยงามของดอกไม้ครั้งสุดท้าย จะกลายเป็นปัญหาก๊าซเรือนกระจกได้? นี่คือมุมมองใหม่ที่เรามักมองข้ามในเมืองที่อะไรก็ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว
ละครเวทีลูกครึ่งที่ใช้ร่างกาย (Physical Theatre) และละครใบ้ นำทางผู้ชมเข้าสู่โลกแห่งความฝัน 'สุขวิกลปนเศร้า' โดยมีดนตรีสดและเสียงประหลาด ๆ เป็นผู้ดำเนินเรื่อง นี่คือการสำรวจ 'ร่องรอย' และ 'ความหวัง' ที่ยังคงติดอยู่ในความรู้สึกของเรา แม้จะตื่นขึ้นมาแล้ว มันสะท้อนความจริงที่ว่าคนเมืองมักมีชีวิตที่ต้องวิ่งหนีบางสิ่ง บางทีการใช้ร่างกายสื่อสารที่ไม่ต้องมีคำพูด อาจจะเข้าถึงอารมณ์ที่ซ่อนอยู่ได้ดีกว่า
มายากลในห้องนั่งเล่นที่เต็มไปด้วยข้าวของธรรมดาๆ อย่างโคมไฟ โต๊ะ หรือตู้เสื้อผ้า กลายเป็นเวทีของมายากลร่วมสมัยพาเราก้าวเข้าสู่โลกแห่งจินตนาการจากสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ การแสดงนี้ชี้ให้เห็นว่าในชีวิตประจำวันที่ดูน่าเบื่อของคนเมืองนั้น 'ความมหัศจรรย์' และ 'เรื่องไม่ธรรมดา' อาจจะซ่อนอยู่ในลิ้นชักตู้ธรรมดาๆ ที่บ้านของคุณก็ได้
เทศกาลละครกรุงเทพ (Bangkok Theatre Festival 2025) จัดในวันเสาร์ที่ 8 - อาทิตย์ 9 พฤศจิกายน 2568 ปีนีไม่ได้จำกัดอยู่แค่โรงละครปิด (Closed Stage) แต่ยังได้พื้นที่ Open Space ที่ Sky Garden ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ ให้ศิลปินมา "เปิดหมวก" แสดงให้คนทั่วไปได้ชมฟรี ๆ เป็นการนำเอา ศิลปะการแสดง กลับมาอยู่กลางเมือง, กลางห้าง, และกลางผู้คนจริงๆ
ชีวิตคนเมืองทุกวันนี้ถูกตีกรอบด้วยความเร่งรีบ ความคาดหวัง มีสังคมแบบในจอ จนเราลืมโฟกัสกับการใช้ชีวิตจริงๆ การไปชมเทศกาลละครกรุงเทพจึงไม่ใช่แค่การไป 'เสพศิลป์' แต่คือการไป 'ทำความเข้าใจ' โลกใบนี้ ผ่านมุมมองของคนที่กล้าหาญพอจะนำบาดแผลและข้อสงสัยมาเปิดเผยบนเวที มันคือการได้มีเวลาทบทวนตัวเองในมุมที่เราไม่กล้าสะท้อนออกมา บางทีคำตอบของชีวิตคนเมืองอาจจะซ่อนอยู่ในโรงละครเล็ก ๆ สักแห่งในเดือนพฤศจิกายนนี้แหละ