ฮิวแมนไรท์วอทช์อัดทรัมป์! เปิดทำเนียบขาวต้อนรับนายกฯประยุทธ์ สานสัมพันธ์สหรัฐฯกับรัฐบาลทหารไทย "เป็นการละเลยประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างน่าละอายที่สุด”

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มฮิวแมนไรท์วอทช์ องค์กรนอกภาครัฐระหว่างประเทศซึ่งทำวิจัยและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียกร้องไปยังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯถึงความเหมาะสมที่จะเปิดทำเนียบขาวต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรัฐประหารและนายกรัฐมนตรีของไทย

ฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า สหรัฐฯทำเช่นนี้แสดงถึงการเพิกเฉยต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน เป็นการมอบชัยชนะส่วนตัวของสหรัฐฯแด่เผด็จการของไทยหลังพลเอกประยุทธ์นำกองทัพก่อรัฐประหารในปี ค.ศ. 2014 (พ.ศ. 2557) ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯสมัยนายบารัค โอบามาไม่ทำเช่นนี้ เห็นได้จากรัฐมนตรีต่างประเทศในสมัยของโอบามาหลีกเลี่ยงที่จะเดินทางมาไทย เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยที่กองทัพไทยระงับประชาธิปไตยและกำหนดให้การประท้วงบนท้องถนนเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่วิถีทางของประชาธิปไตย รัฐบาลโอบามาไม่เพิกเฉยและตอบโต้ไทยด้วยการตัดงบช่วยเหลือด้านการทหารและปลีกตัวเองออกจากรัฐบาลไทย

แต่เมื่อมาถึงรัฐบาลทรัมป์กลับมีการพัฒนาความสัมพันธ์กับรัฐบาลทหารของไทย ส่งเจ้าหน้าที่ทูตระดับสูง รวมถึงการที่นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเดินทางเยือนไทยเมื่อสิงหาคมที่ผ่านมา และสหรัฐฯกำลังจะเปิดบ้านต้อนรับนายกฯไทยในวันที่ 3 ตุลาคม ซึ่งเป็นไปตามคำเชิญของทรัมป์ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายกฯประยุทธ์เมื่อเดือนเมษายน ซึ่งฮิวแมนไรท์วอทช์ชี้ว่า เป็นสัญญาณบ่งชี้ล่าสุดว่า ทรัมป์ละเลยประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างน่าละอายที่สุด

ด้านทำเนียบขาวสหรัฐฯกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มองย้อนหลัง แต่จะมองไปข้างหน้า เพื่อย้ำความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯและไทย ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญและเก่าแก่ในเอเชีย ขณะที่พลเอกประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า การเยือนสหรัฐฯครั้งนี้จะหารือด้านความมั่นคง การค้า และการลงทุน รวมถึงปัญหาต่างๆในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งการพูดคุยจะเป็นไปอย่างเป็นกันเอง เป็นมิตร และอบอุ่น

เอเอฟพีรายงานว่า พลเอกประยุทธ์ปฏิเสธข้อสงสัยที่ว่าการพบปะกับทรัมป์อาจเป็นการปรับเปลี่ยนพันธมิตรจากจีนไปเป็นสหรัฐฯหรือไม่? ซึ่งพลเอกประยุทธ์ตอบว่า ไม่ควรมองเรื่องนี้ว่าเป็นการเลือกข้าง เพราะไทยจะร่วมมือกับทุกมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่หรือประเทศเล็กก็ตาม

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนเริ่มดีขึ้น หลังจากจีนเดินหน้าแผนการลงทุนโปรเจกต์มหึมาวันเบลท์วันโรด (One-Belt One-Road) สานสัมพันธ์ไปทั่วภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และแอฟริกา ซึ่งไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่หันไปสานสัมพันธ์กับจีน อ้าแขนรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับจีน ในขณะที่สหรัฐฯมองจีนเป็นคู่อริเบอร์หนึ่ง