svasdssvasds

"หมวดเจี๊ยบ" เย้ย "ประยุทธ์" เยือนสหรัฐฯส่อแววสูญเปล่า

"หมวดเจี๊ยบ" เย้ย "ประยุทธ์" เยือนสหรัฐฯส่อแววสูญเปล่า

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ตอกการเยือนสหรัฐฯของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ส่อแววจะสูญเปล่า ไม่คุ้มค่า เพราะทรัมป์ประกาศชัดว่า ต้องการให้ไทยซื้อสินค้าสหรัฐฯให้มากขึ้น และต้องการลดการขาดดุลการค้ากับไทยลง ไม่ได้จะเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย ที่สำคัญ ไม่รู้ว่าเที่ยวนี้คนไทยต้องจ่ายค่าซื้ออาวุธอีกกี่หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ น่าสงสัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจกำลังหาเหาใส่หัวคนไทย โดยการยอมเป็นม้าใช้ของสหรัฐฯในการกดดันเกาหลีเหนือ อยากถามรัฐบาลว่าการเยือนทำเนียบขาวครั้งนี้ มันน่าภูมิใจตรงไหน ในเมื่อถูกต่างชาติตราหน้าว่า การเยือนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ สร้างรอยด่างให้ทำเนียบขาวเพราะมีผู้นำเป็นเผด็จการที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน

[caption id="attachment_111919" align="aligncenter" width="437"] "หมวดเจี๊ยบ" เย้ย "ประยุทธ์" เยือนสหรัฐฯส่อแววสูญเปล่า ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย[/caption]

 

วันที่ 3 ต.ค.60--ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะในครั้งนี้ อาจเป็นการเสียเงินเปล่า และส่อแววว่าไทยจะเสียเปรียบในการเจรจาทุก ๆ ประเด็น เนื่องจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศชัดเจนต่อหน้าสื่อมวลชนทั่วโลกว่า จุดยืนของสหรัฐฯ คือ ต้องการจะส่งออกสินค้ามาขายคนไทยให้มากขึ้น เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ ที่มีกับประเทศไทยให้น้อยลง ตามนโยบายสหรัฐฯต้องมาก่อน พูดง่าย ๆ คือ สหรัฐฯต้องได้เปรียบทางการค้าและสหรัฐฯต้องขายของให้ไทยได้มากขึ้น ไม่ได้แปลว่าจะเพิ่มการลงทุนของสหรัฐฯในประเทศไทยให้มากขึ้นแต่อย่างใด นี่ต่างหาก คือ ความหมายของคำว่ากระชับความสัมพันธ์ทางการค้าของสหรัฐฯตามนิยามของ นายทรัมป์ ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในสินค้า ที่สหรัฐฯจ้องจะขายให้รัฐบาลไทย ก็คือ อาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ และยอมรับว่าจะซื้ออาวุธตามแผนพัฒนากองทัพ 5 – 10 ปี ขอถามว่า ท่านจะก่อหนี้ผูกพันประเทศในระยะ 10 ปี เพื่อซื้ออาวุธเที่ยวนี้อีกกี่แสนล้านล้านบาท ควรระบุตัวเลข เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชนผู้จ่ายภาษี แต่ที่แน่ ๆ คนไทยคงต้องเตรียมตัวจ่ายภาษีแพงขึ้น และอาจถูกตัดสวัสดิการสังคมอีกหลายอย่าง เพื่อให้รัฐบาลไทยมีเงินพอไปซื้ออาวุธ แล้วอย่างนี้คนไทยจะได้ประโยชน์ตรงไหนจากการจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินให้ พล.อ.ประยุทธ์ และคณะ บินไปสหรัฐฯในครั้งนี้

"หมวดเจี๊ยบ" เย้ย "ประยุทธ์" เยือนสหรัฐฯส่อแววสูญเปล่า

ทั้งนี้ สาเหตุที่ นาย ทรัมป์ กล้าพูดหักคอ พล.อ.ประยุทธ์ โดยการทวงถามผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ ต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างชัดเจนเช่นนี้ คงเพราะ นายทรัมป์ รู้เต็มอก ว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีจุดอ่อนเรื่องขาดความชอบธรรมและต้องการใช้ภาพการเยือนทำเนียบขาวเพื่อฟอกตัวเอง ซึ่งน่าเสียดายที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่มีไหวพริบเพียงพอที่ จะพูดแก้สถานการณ์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของไทยต่อหน้าสื่อมวลชนเลยแม้แต่น้อย อันที่จริง ต่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ก็ควรบอกให้ล่ามพูดแทน แต่นี่ท่านเอาแต่พยักหน้าหงึกๆ และท่องแต่คำว่าเยสๆ อย่างเดียว ก็เลยกลายเป็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ แสดงการยอมรับในสิ่งที่ นาย ทรัมป์ พูดไปโดยปริยาย นอกจากนี้ ระหว่างการแถลงข่าว ล่ามของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้เอ่ยถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของฝ่ายไทยเลยแม้แต่คำเดียว โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ท้วงติง อาจเป็นเพราะท่านฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ฝ่ายไทยเสียโอกาสในการชี้แจงต่อหน้าสื่อต่างประเทศเข้าไปใหญ่

อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ รัฐบาลอ้างว่าการเดินทางเยือนสหรัฐฯครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอพวกท่านไปนั่งต่อหน้า นายทรัมป์ จริง ๆ แล้ว ทำไมจึงเอาแต่พูดว่าไทยจะให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯในด้านความมั่นคงและการรับมือกับการก่อการร้าย โดยเฉพาะประเด็นปัญหาในภูมิภาค ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเทศ เช่น บีบีซี ระบุว่าสหรัฐฯแอบกดดันไทยลับ ๆ ให้ช่วยบีบเกาหลีเหนือ คำพูดของท่านอาจทำให้ประเทศไทยถูกตีความว่าจะยอมปฏิบัติตามการกดดันของสหรัฐฯ โดยรับหน้าที่เป็นแกนนำในภูมิภาคเพื่อคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ ซึ่งหากเป็นความจริง ก็ถือเป็นการหาเหาใส่หัวให้คนไทยโดยแท้ เรียกว่านอกจากจะไม่สามารถสร้างสนามการค้าให้ประเทศได้แล้ว ยังจะเป็นการดึงประเทศชาติเข้าสู่สนามของความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจเสียอีก ที่สำคัญ การเยือนทำเนียบขาวของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังทำให้ประเทศไทยกลายเป็นขี้ปากของคนทั่วโลกด้วย เพราะสื่อต่างประเทศแทบทุกสำนัก ต่างกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นผู้นำเผด็จการคนล่าสุดที่ได้มาเป็นแขกของ นายทรัมป์ ในทำเนียบขาว นอกจากนี้ สื่อต่างประเทศยังวิจารณ์ด้วยว่า การเยือนทำเนียบขาวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีที่มาจากการยึดอำนาจและมีปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น เปรียบเสมือนรอยด่างของนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯในยุคของ โดนัลด์ ทรัมป์ ต่างจากยุคของ ประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า ที่มีจุดยืนชัดเจนไม่คบค้าสมาคมกับรัฐบาลเผด็จการที่มาจาการยึดอำนาจ ซึ่งคำวิจารณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจสำหรับคนไทยเลย

ส่วนการที่ นายทรัมป์ ไม่ได้ถาม พล.อ.ประยุทธ์ ถึงเรื่องโรดแม็ปการเลือกตั้งในเมืองไทยนั้น ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ต่างชาติ เพราะต่างชาติไม่ได้คาดหวังเรื่องจุดยืนประชาธิปไตยหรือการปกป้องสิทธิมนุษยชนจาก นายทรัมป์ เช่นกัน

related