ขนลุกวันออกพรรษา ปปง.ตามอายัดทรัพย์"เสี่ยอู๊ด"อีกกว่า 8 ล้านบาท หลังเจ้าตัวตายไป 2 ปีเต็ม พอดิบพอดี

สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยแพร่คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ปปง. ที่ ย.80/2560 ครั้งที่ 17/2560 สั่งอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราวของนายสิทธิกร

บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด กับพวกเพิ่มจำนวน 8.29 ล้านบาท พร้อมดอกผล ซึ่งเป็นเงินที่มีผู้บริจาคบูชาพระสมเด็จเหนือหัว โดยเป็นเงินฝากในบัญชีธนาคารกรุงไทย 7.5 ล้านบาท และเงินฝากธนาคารออมสิน จำนวน 79,065 บาทปปง.ตามอายัดทรัพย์'เสี่ยอู๊ด"อีกกว่า8 ลบ. หลังจากนายสิทธิกรพ้นโทษออกจากเรือนจำ ได้ก่อเหตุฆ่าตัวตายในปี 2558 อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะเสียชีวิต นายสิทธิและผู้เกี่ยวข้องถูก ปปง.อายัดทรัพย์ในความผิดฐานฟอกเงินจากความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน จากการหลอกลวงให้ประชาชนบริจาคเงินสร้างสร้างพระสมเด็จเหนือหัว กับมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์

เสี่ยอู๊ด หรือ นายสิทธิกร บุญฉิม อดีตเซียนพระชื่อดัง เคยประกอบอาชีพ ค้าขายที่ อำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นเวลา 8 ปี และเป็นประธานบริษัท ไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด จากนั้นได้มีชื่อเสียงจากการเป็นประธานสร้างพระเครื่อง โดยเฉพาะการสร้างเหรียญหลวงพ่อโสธรนามสกุล มีผู้คนร่วมทำบุญมากถึง 200 ล้านบาท ในระยะเวลาไม่ถึงเดือน

ก่อนที่เจ้าตัวจะโดนฟ้องร้อง ฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และโฆษณาโดยใช้ข้อความให้เกิดความเข้าใจผิด ในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า โดยใช้ข้อความเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุ หรือสินค้าใด ๆ จากกรณีโฆษณาเผยแพร่ว่า จัดสร้างพระเครื่องที่ใช้ชื่อว่า “พระสมเด็จเหนือหัว” เมื่อ ปี 2550

ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษาจำคุก เสี่ยอู๊ด เป็นเวลา 5 ปี และปรับ บริษัทไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด รวม 12,000 บาท พร้อมให้จำเลยทั้ง 2 ร่วมกันคืนเงินกับผู้เสียหาย ทั้ง 921 คน ที่เช่าพระสมเด็จเหนือหัว เป็นจำนวนเงิน 4,055,916 บาท และเมื่อเดือนมิถุนายน 2556 เสี่ยอู๊ด ก็ได้รับการปล่อยตัว

เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ปี 2553 เสี่ยอู๊ดได้เกิดอาการช็อคหมดสติในเรือนนอนภายในแดนคุมขัง หลังเจ้าตัวได้กินยานอนหลับเข้าไปเกินขนาด และเมื่อย้อนไปดูบทสัมภาษณ์ในรายการ “วู้ดดี้เกิดมาคุย” เมื่อปี 2556 หลังจาก เสี่ยอู๊ด พ้นโทษออกมา เจ้าตัวได้พูดถึงบรรยากาศตลอด 5 ปี ที่ตนอยู่ในคุก และเผยว่าเคยคิดฆ่าตัวตายตอนอยู่ในคุก โดยไม่รู้สึกบาป เพราะตนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญแล้ว ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง ที่ฆ่าตัวตายเพราะไม่ต้องการผจญความทุกข์แล้ว กลับไปที่ ๆ เคยมา และตัดสินใจกินยานอนหลับชนิดที่รุนแรงที่สุด แต่ก็มีผู้คุมมาเห็น

ทั้งนี้เสี่ยอู๊ด ยังเคยตกเป็นข่าวสนิทสนมกับเหล่าศิลปิน-ดาราหนุ่มอยู่หลายคน แต่ที่เป็นกระแสฮือฮาที่สุดเห็นจะเป็นการออกมาแฉ เรื่องความสัมพันธ์กับหนุ่ม ฟิล์ม รัฐภูมิ รวมทั้งทรัพย์สินต่างๆ ที่เคยให้กับดาราหนุ่มและเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 58 เสี่ยอู๊ด ได้จบชีวิตตัวเองลง ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจ.พิษณุโลก พร้อมทิ้งจดหมาย ระบุถึง ความภูมิใจ และความเสียใจเชิงตัดพ้อว่า เคยช่วยผู้อื่น แต่ไม่เคยช่วยญาติพี่น้อง สุดท้ายได้รับผลตอบแทนที่ทำให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดี และความจริงจากผู้ที่เคยช่วยเหลือไป นอกจากนี้ ยังสั่งเสียว่า หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายขึ้นมาจัดการงานศพ โดยไม่ต้องทำพิธีใด ๆ

ข้อความในจดหมายของ เสี่ยอู๊ด ระบุไว้ดังนี้ ….

จากเด็กกำพร้ายากจน มีวุฒิ ม.3 ได้เงินช่วยเหลือสังคม ประเทศชาติ พระพุทธศาสนา ก่อเกิดสาธารณประโยชน์ เป็น วัด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานศึกษา มหาวิทยาลัยสงฆ์ องค์กรการกุศล สงเคราะห์ผู้ยากไร้ อุปการะเยาวชนให้เล่าเรียน คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์และเงิน รวมๆ ไปกว่า 3,000 ล้านบาท กระจายอยู่ทั่วแผ่นดิน ทั้งที่คนรู้และไม่รู้

ที่หาเงินได้มากมาย แต่ไม่เคยเก็บสะสมสร้างฐานะ เพราะมัวแต่ช่วยผู้อื่น ไม่เคยช่วยพี่น้อง ช่วยสาธารณะจนตัวเองเดือดร้อน ผลตอบแทนกลับมาให้เสื่อมเสีย ไม่มีความดีและความจริงจากผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือไป จะเป็นจริงอย่างถาวร ดี ชั่ว ถูก ผิด ยึดติดใครไม่ได้

หากเสียชีวิตที่พิษณุโลก ให้น้องชายช่วยขึ้นมาจัดการศพ ทำการเผาทันที ไม่ให้จัดพิธีการใดๆ ไม่ให้บำเพ็ญกุศล เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องเดือดร้อน ไม่ต้องการให้คนอื่นต้องมายุ่งยาก ที่สำคัญ ผมทำบุญไว้เยอะแล้ว ไม่มีใครจะทำบุญให้ผมเท่าตัวผมทำตอนอยู่

ท้ายสุด ฝากบอกบุญ เชิญคนไทยไปบริจาคทรัพย์รับพระกริ่ง ซึ่งผมบริจาคไว้ 7.5 ล้านบาท ช่วยสร้างอาคารศูนย์ คณะแพทยศาสตร์ ม.ช. นะครับ

ฝากคำคมคิด จากบัณฑิต ม.3

“ดีที่สุด คือ หยุดอยาก…ดียาก คืออยากที่สุด”

สิทธิกร บุญฉิม

วันออกพรรษาปี 2558

ซึ่งเป็นความบังเอิญที่น่าขนลุก เมื่อข่าว ปปง.ตามอายัดทรัพย์ "เสี่ยอู๊ด"อีกกว่า 8 ล้านบาท ถูกเผยแพร่ ตรงกับวันออกพรรษาปีนี้ พอดิบพอดี กับวันที่เขาตัดสินใจลาโลกไปเมื่อ 2 ปี ก่อน