ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
กรณี 1.ขับรถไปเจอน้ำท่วม เคลมประกันชั้น 1 ชั้น 2+ และชั้น 3+ ได้บางแพ็กเกจ ขึ้นอยู่กับบริษัทประกันที่เลือกทำ
กรณี 2.ต้องเป็นการขับรถอยู่แล้วน้ำท่วมเข้ามาในรถจึงจะเคลมได้
กรณี3. ถ้าเราขับรถไปยังที่ ที่น้ำท่วมอยู่แล้ว ไม่อยู่ในความคุ้มครอง
ขอบคุณภาพ จาก FB คุณKrit Jenpanichkarn
ขั้นตอนการเคลมประกันจากน้ำท่วม
ความคุ้มครองของประกันรถยนต์กับน้ำท่วม
แบ่งเป็น
1.การสูญเสียโดยสิ้นเชิง
คือกรณีที่น้ำท่วมมิดคัน หรือ ท่วมเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งจะสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร บริษัทประกันประเมินว่า ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม จึงยินดีที่จะจ่ายเงิน 70-80% ของทุนประกันเพื่อเป็นการขอซื้อซากรถ
2.ความเสียหายบางส่วน
คือสามารถซ่อมกลับมาใช้ได้ ประกันภัยก็จะตีเป็นลักษณะความเสียหายบางส่วน บริษัทประกันจะรับผิดชอบซ่อมแซมรถให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่ประกันรถยนต์นั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
สถานการณ์ตอนที่เจอน้ำท่วม
ถ้าเราทราบอยู่แล้วว่าเส้นทางที่เราจะไปมีน้ำท่วม แล้วยังจะขับรถลุยไปให้ได้ แล้วเครื่องดับกลางทาง แบบนี้ประกันไม่จ่าย เพราะเราทราบอยู่แล้วว่าน้ำมันท่วม แล้วยังขับไปให้รถเสียอีก แต่ถ้าบังเอิญโชคดีสุดๆ ขับไปกลางทางเจอพายุฝนตกหนักมาก แล้วน้ำก็เอ่อท่วมขึ้นมาจนเครื่องรถเราดับ หรือบางคันมีลอยตามน้ำที่ท่วมไปด้วย สามารถแจ้งบริษัทประกันตามความเป็นจริงที่ เคลมได้
วิธีปฏิบัติเมื่อเราจำเป็นต้องขับรถฝ่าน้ำท่วม
1.สังเกตความสูงของระดับน้ำโดยดูจากหลักถนนหรือเสาไฟฟ้าข้างทางเทียบกับความสูงของรถ
2.ปิดแอร์ เพราะถ้าเปิดแอร์ โอกาสที่รถจะดับ มีสูงมาก
3.ปรับมาใช้เกียร์ต่ำ รถเกียร์กระปุกคือเกียร์ 1 หรือ 2 ถ้าเป็นรถเกียร์ออโต้ก็ให้ใช้เกียร์ L ขับช้าๆ เพราะน้ำท่วมส่งผลให้ศักยภาพการยึดเกาะของยางไม่ดีนัก
4.อย่าเร่งเครื่องยนต์ให้รอบสูงเด็ดขาด เพื่อป้องกันน้ำเข้าห้องเครื่อง ขับแบบนี้จนกว่าจะผ่านน้ำท่วมไปได้
5.เมื่อผ่านจุดที่ท่วมมาแล้ว อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์ ให้รอซักพักจนไม่มีน้ำค้างอยู่ที่ท่อไอเสีย แล้วค่อยดับเครื่อง