"อาเบะ" ผู้นำเลือดน้ำเงิน นักการทูตจอมไหวพริบ

นายชินโซ อาเบะ จะกลายเป็นผู้นำญี่ปุ่นที่ดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดก็ว่าได้ แม้จะไม่เคยครบวาระก็ตาม

วันที่ 22 ต.ค.60--นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ที่หวังเริ่มต้นใหม่กับชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนดวันอาทิตย์นี้ ตามมุมมองของผู้เชี่ยวชาญ นายอาเบะ เป็นนักการทูตเชิงปฏิบัติและหลักแหลม รู้จักเข้าหาผู้นำชาติมหาอำนาจโลก ไม่ว่าจะเป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ส่วนในบ้านนั้น ก็ผลักดันนโยบายเชิงชาตินิยม

ทั้งนี้ ชินโซ อาเบะ วัย 63 ปี มักถูกมองว่าหยิ่งยโส แต่ก็แฝงความขี้เล่น หลังแต่งตัวเป็นซูเปอร์ มาริโอ ระหว่างพิธีปิดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่นครริโอ เดอ จาเนโร เพื่อรับช่วงต่อเจ้าภาพโตเกียวโอลิมปิก ปี 2020

นายอาเบะ เป็นนักการเมืองที่ทั่วโลกจับตา เพราะเป็นผู้นำต่างชาติคนแรกที่เข้าหารือกับนายทรัมป์ ก่อนที่จะสาบานตนรับตำแหน่งเสียอีก ด้วยการจับมืออย่างเป็นมิตร การเดินทางไปร่วมเล่นกอล์ฟกัน จนเกิดคำว่าการทูตด้วยกีฬากอล์ฟ นายทรัมป์เอ่ยปากเลยว่า เขาและนายอาเบะ มีเคมีที่ตรงกัน

หากโผไม่หลุด นายอาเบะจะชนะการเลือกตั้งวันอาทิตย์นี้ แล้วเดือนหน้า ก็จะต้อนรับโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางเยือนญี่ปุ่นด้วย ยิ่งเสริมอำนาจให้นายอาเบะมากขึ้นไปอีก ด้านปูติน ผู้นำรัสเซียนั้น นายอาเบะไม่ให้น้อยหน้า เชิญมาบ้านเกิดของเขาที่เมืองนากาโตะ เพื่อร่วมประชุมสุดยอดที่เรียกกันว่า ประชุมบ่อน้ำพุร้อน หวังกระชับสัมพันธ์

จะให้พูดว่านายอาเบะ เกิดมาเพื่อนำญี่ปุ่นก็ว่าได้ ปู่ของเขา โนบุสึเกะ คิชิ เป็นคณะรัฐมนตรีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนผันตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ที่เชื่อมสัมพันธภาพกับสหรัฐฯ ส่วนพ่อของเขา ชินทาโร อาเบะ ไต่เต้าไปได้ถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ แต่ไม่ถึงฝั่งฝันกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายอาเบะ จึงเป็นทายาทการเมืองรุ่นสาม ที่ได้นั่งเก้าอี้ส.ส.ของผู้เป็นพ่อ หลังล่วงลับในปี 1993 ด้วยความแข็งกร้าว นโยบายเด็ดขาดกับเกาหลีเหนือ เขาจ่อคิวขึ้นเป็นผู้นำญี่ปุ่น ระหว่างดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในสมัยจุนอิจิโร โคอิซูมิ ก่อนจะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยอายุ 52 ปี แต่ด้วยสุขภาพไม่สู้ดี จึงต้องอำลาตำแหน่งหลังนั่งเก้าอี้ได้เพียง 12 เดือน

นายอาเบะกลับขึ้นมาครองอำนาจอีกครั้งในปี 2012 ด้วยคำมั่นจะฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่น ให้ยิ่งใหญ่ดังเดิม นำร่องด้วยนโยบายอาเบะโนมิกส์ เน้นเพิ่มงบประมาณใช้จ่ายและผ่อนปรนนโยบายการเงินของธนาคารกลาง แต่จนถึงตอนนี้ ก็ยังฟื้นฟูเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ไม่เต็มที่ เงินเฟ้อยังรุมเร้า การใช้จ่ายผู้บริโภคต่ำกว่าที่ควร

นโยบายในประเทศที่โดดเด่นที่สุดของนายอาเบะ หนีไม่พ้นความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ผันแปรกองกำลังป้องกันตัวเอง เป็นกองทัพญี่ปุ่นเต็มตัว พร้อมสู้รบศึกนอกบ้าน โดยเฉพาะกับภัยคุกคามเกาหลีเหนือ

แต่ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ นายอาเบะอยู่ในช่วงขาลง คะแนนนิยมลดต่ำ จากข่าวอื้อฉาวมากมาย รวมถึงข้อกล่าวหาว่านายอาเบะเล่นเส้นเล่นสาย มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเพื่อนทางธุรกิจ เป็นผลให้ในการเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงโตเกียว พรรครัฐบาลพ่ายแพ้ เสียที่นั่งให้แก่นางโยริโกะ โคอิเกะ ที่ตอนนี้ ก็ตั้งพรรคแห่งความหวัง ฉวยโอกาสช่วงขาลงพรรครัฐบาล หวังชิงที่นั่งในสภา แต่ท้ายสุด ค่อนข้างแน่ชัดว่า นายอาเบะจะชนะเลือกตั้ง และครองเสียงข้างมากในสภาต่อไป ส่วนความทะเยอทะยานของนางโคอิเกะ และพรรคแห่งความหวังนั้น ยังเป็นอนาคตอันไกล