ทรัมป์ เยือนเอเชีย บทพิสูจน์ผู้นำโลก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดการเยือนเอเชีย 12 วัน ตั้งแต่ วันที่ 3-14 พฤศจิกายน 2560 การเยือนเอเชีย ของ ทรัมป์ ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการดำเนินตามนโยบายต่างประเทศ และ ความมั่นคงของประเทศสหรัฐฯอย่างไร การเยือนเอเชียของ ทรัมป์ ครั้งนี้อาจนับเป็นเครื่องมือสำคัญต่อนโยบายต่างประเทศ ถ้าใช้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าวางแผนและดำเนินการไม่ดี อาจสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงสหรัฐฯชนิดที่อาจจะแก้ไขไม่ได้

ในการประชุม สหประชาชาติ (United Nations;UN) ครั้งล่าสุด มีอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ นายทรัมป์ ได้ประกาศ ว่า

“Best not make…… have never seen.”

“ไม่ควรจะข่มขู่สหรัฐฯอีก ไม่งั้นจะต้องประสบกับไฟและความเกรี้ยวกราดอย่างที่โลกไม่เคยเห็นมาก่อน”

“But if it forced…..… destroy North Korea.”

“ถ้าสถานการณ์บังคับให้เราป้องกันตัวเองและพันธมิตร เราจะไม่มีทางเลือกแต่ต้องทำลายเกาหลีเหนือ”

เกาหลีเหนือถือเป็นประเด็นสำคัญในการเดินทางครั้งนี้ ขณะที่ บทวิเคราะห์ CNN โดย อดีตคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติ Samantha Vinograd ระบุ ว่า นี่คือโอกาสของ ทรัมป์ ที่จะทำตัวเป็นผู้นำโลก

ไม่ว่า จะ เป็นโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ วิสามัญฆาตรกรรมในฟิลิปปินส์ หรือการโจมตีทางโลกไซเบอร์โดยรัสเซีย ล้วนมีความสำคัญต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

การเยือนเอเชีย 12 วัน ครั้งนี้ ทรัมป์ต้องเจรจาทวิภาคี กับ นานับประเทศ และ แน่นอนว่าต้องมีการหารือเรื่องความมั่นคงระดับภูมิภาค

ทรัมป์ จะ ต้องทำให้ผู้นำเกาหลีใต้เชื่อ ว่า สหรัฐฯ พร้อมที่จะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดเมื่อถึงนาทีวิกฤติของภูมิภาค และ ต้องไม่ลืมว่าชีวิตของพลเรือนเกาหลีใต้ตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งนี้

และ ขณะที่การคุกคามของเกาหลีเหนือและความเข้มแข็งของจีนกำลังเริ่มครอบงำภูมิภาค ผู้นำญี่ปุ่นต้องการหารือเรื่องการป้องกันประเทศ กับ ทรัมป์แน่นอน รวมไปถึงข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองชาติ

ทางด้านความสัมพันธ์กับจีน2-3ปี ที่ผ่านมา ประเทศสหรัฐฯ และ จีนเรียกความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองมหาอำนาจ แต่ ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะเอนเอียงไปทางจีนมากกว่า และถ้าครั้งนี้ทรัมป์ เจรจากับผู้นำจีนประเด็นสำคัญไม่สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการค้า ทรัพย์สินทางปัญญา และความมั่นคงทางไซเบอร์ สหรัฐฯ จะยิ่งเสียหายหนัก

ทำเนียบขาวประกาศ ว่า ทรัมป์จะไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงของ CNN มองว่ากลายเป็นการเปิดโอกาสให้จีนและรัสเซีย นำการหารือในที่ประชุมไปในทิศทางที่จะกระทบต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ

การเยือนเวียดนาม และ ฟิลิปปินส์ล้วนมีความสำคัญด้านการเมืองระหว่างประเทศเช่นกัน เป็นโอกาสที่จะตอกย้ำความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐฯ สานสัมพันธ์กลับกลุ่มประเทศ และคานอำนาจกับจีน

แต่สหรัฐฯจะต้องไม่ลืมจุดยืนของตนเอง เช่น เรื่องวิสามัฐฆาตรกรรม ในฟิลิปปินส์ ที่ถ้า ทรัมป์ไม่พูดอะไรเลย จะกลายเป็นเปิดประตูให้ผู้นำฟิลิปปินส์เดินหน้าสงครามยาเสพติดแบบนี้ต่อไปโดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครปราม

การเยือนเอเชียครั้งนี้ มีผลลัพท์สองทาง จะเป็นโอกาสให้ทรัมป์ปรับทิศทางตำแหน่งของสหรัฐฯในเวทีโลก หรือจะเป็นการผลักให้สหรัฐฯกลายเป็นฉากหลัง

***รับชมคลิป***