svasdssvasds

ครอบครัวสาวใช้พม่าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เผยผลชันสูตรขัดแย้งกันเอง

ครอบครัวสาวใช้พม่าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เผยผลชันสูตรขัดแย้งกันเอง

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

วันที่ 4 พ.ย.60  นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พร้อมด้วย นางปาละ และ น.ส.ลุควา ปาเปียว แม่และพี่สาวของ น.ส.หวาน หรือน้ำหนาว สาวใช้ชาวเมียนมา วัย 17 ปี เข้าพบ ร.ต.อ. หญิง นารีรัตน์ หาญณรงค์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยมี นายโคโค นัย ตัวแทนผู้ประสานงานด้านแรงงานสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาร์ ร่วมเดินทางมาสังเกตการณ์ในครั้งนี้ด้วย

ครอบครัวสาวใช้พม่าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เผยผลชันสูตรขัดแย้งกันเอง

นายรณรงค์ กล่าวว่า จากผลผ่าพิสูจน์ศพน้องน้ำหวาน เพื่อหาร่องรอยวิถีกระสุน ของสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจเบื้องต้น ได้แจ้งว่า เป็นการยิงศีรษะจากด้านซ้ายทะลุด้านขวา เนื่องจากมีรอยยุบตัวของกะโหลกศีรษะในบริเวณนี้ ทำให้ทางญาติรู้สึกสับสนกับผลการตรวจของแพทย์ชันสูตรศพโรงพยาบาลบ้านโป่ง ที่ได้ลงความเห็นในวันเกิดเหตุว่าเป็นการยิงจากด้านขวาแล้วไปทะลุด้านซ้าย รวมทั้งการจำลองวิถีกระสุนของกองพิสูจน์หลักฐาน ศพฐ.ภ.7 วัตถุพยานที่เกิดเหตุต่างๆ ทั้งหมด ซึ่งขัดแย้งกันจึงควรตามกลับมาตรวจสอบหาคราบเลือด และหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์อื่นๆ เพิ่มเติมนอกจากนั้นตนตั้งข้อสังเกตว่า มีการจับ ขยับ จัดท่าทางศพหรือไม่ ซึ่งทั้งนี้หมดนี้ญาติก็ยังคงปักใจเชื่อว่าการที่ น้องน้ำหวาน เสียชีวิตเป็นการฆาตกรรมอย่างแน่นอน แต่จะเป็นใครนั้น เป็นหน้าที่ของตำรวจ สภ.บ้านโป่ง จะต้องทำให้ความจริงปรากฏ

ครอบครัวสาวใช้พม่าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เผยผลชันสูตรขัดแย้งกันเอง

ด้าน นายโคโค นัย ตัวแทนผู้ประสานงานด้านแรงงานสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา เปิดเผยว่า การฆ่าตัวตายด้วยการใช้ปืนในผู้หญิงไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศเมียนมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง น้องน้ำหวานมีอายุเพียง 17 ปี จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีความสามารถในการใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ เพราะหากคิดจะฆ่าตัวตาย ยังมีวิธีการอื่นที่ง่ายกว่า ทำให้ตนตั้งข้อสันนิษฐานว่า น้องน้ำหวานอาจถูกวางยาจากบุคคลในบ้าน เพื่อไม่ให้เกิดการต่อสู้ ก่อนที่จะถูกยิงด้วยอาวุธปืนเพื่อทำให้ดูเหมือนว่าเป็นการฆ่าตัวตาย จึงต้องการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบสารในกระเพาะอาหารของผู้เสียชีวิตด้วย

ทั้งนี้ในวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.60 ตนจะนำนางปาละ และ น.ส.ลุควา  เดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอให้มีการดำเนินการเปลี่ยนคณะทำงานคลี่คลายชุดใหม่ให้อยู่ในการดูแลของกองบังคับการปราบปราม เพื่อเกิดความยุติธรรมแก่ผู้เสียชีวิต  พร้อมกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจำประเทศไทย จะนำคดีดังกล่าวเข้าสู่วาระการประชุมของรัฐบาลเมียนมา เนื่องจากในขณะนี้ ทั้งประชาชนชาวเมียนมากำลังให้ความสนใจ และส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม และเรียกร้องให้รัฐบาลไทยเร่งสืบหาความจริง

ครอบครัวสาวใช้พม่าเข้าให้ปากคำเพิ่มเติม เผยผลชันสูตรขัดแย้งกันเอง

 

related