จระเข้ "น้องเลพัง" เป็นสมบัติของแผ่นดิน

อธิบดีกรมประมง ระบุที่ประชุมมีมติร่วมกันให้ จระเข้ "น้องเลพัง" ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน จะไม่นำจระเข้ออกไปจากพื้นที่ จ.ภูเก็ต โดยจัดทำโครงการร่วมดูแลรักษาร่วมกับสวนสัตว์ภูเก็ต เพื่อประชาชนสามารถเดินทางไปดูจระเข้ "น้องเลพัง" ได้อย่างสะดวก

วันนี้ (17 พฤศจิกายน 2560) นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมงพร้อมด้วย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวแนวทางการดูแลจระเข้น้องเลพังที่ห้องประชุมศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 ภูเก็ต โดย "น้องเลพัง" จระเข้ ที่โด่งดังในสังคมโลกโชเชียล เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากมีชาวต่างชาติใช้โดรนบินถ่ายภาพไว้ได้ ขณะที่จระเข้ดังกล่าวว่ายน้ำอยู่ในทะเลหน้าชายหาด และเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีการตรวจพบว่า จระเข้ตัวดังกล่าวได้เข้ามาหลบอยู่ในลุ่มน้ำสาธารณะ ซึ่งห่างจากชายหาดประมาณ 300 เมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่ ใช้เวลาในการจับ 2 วัน 2 คืน จนจับได้เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา และนำไปเลี้ยงเอาไว้ ที่ จ.ภูเก็ต และนำตัวไปพักไว้ที่บ่อเลี้ยงภายในศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเขต 5 (ภูเก็ต) บ้านพารา ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นการชั่วคราวนั้น

ซึ่งที่ประชุมร่วมของหน่วยงานที่เกี่ยวทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและ จ.ภูเก็ต มีมติร่วมกัน ว่า ให้น้องเลพังตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน หลังที่ผลการตรวจ DNA โดยทีมสัตวแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดล ยืนยันว่าจระเข้น้องเลพัง เป็นจระเข้ลูกผสมต้องห้ามเพาะพันธ์หรือผสมพันธ์ตามกฎหมาย ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าจระเข้เลพังไม่สามารถปล่อยคืนลงสู่จุดเดิมตามธรรมชาติได้ ที่ประชุมได้หารือและลงมติร่วมกันว่า อยากจะให้จระเข้ตัวนี้อยู่ในพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต โดยการทำโครงการร่วมดูแลรักษาร่วมกับสวนสัตว์ภูเก็ต เพื่อให้พี่น้องประชาชนชาวจ.ภูเก็ต สามารถเดินทางไปดูจระเข้น้องเลพัง ได้อย่างสะดวกโดยจะมีการทำพิธีส่งมอบให้สวนสัตว์ภูเก็ตไปดูแล เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับ จ.ภูเก็ต ในช่วงเดือนธันวาคม60 -มกราคม2561 โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นายอดิศร กล่าวว่า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ร่วมการประชุมหารือแนวทางการบริหารจัดการจระเข้ (น้องเลพัง) ซึ่งได้ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติร่วมกันที่จะส่งมอบจระเข้เลพังให้สวนสัตว์ภูเก็ตดูแล เพื่อให้จระเข้เลพังยังคงเป็นสมบัติของชาว จ.ภูเก็ต ต่อไป โดยการดำเนินการที่ผ่านมา เมื่อทำการจับจระเข้เลพังได้เป็นที่เรียบร้อย ทาง จ.ภูเก็ตได้มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของจระเข้แล้ว ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากที่ใด ดังนั้นจระเข้เลพังที่จับได้จึงตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน และตามตัวบทกฎหมาย ซึ่งหากเป็นจระเข้พันธุ์แท้จะต้องปล่อยไปตามแหล่งธรรมชาติแต่หากเป็นจระเข้ลูกผสมกฎหมายมีข้อห้ามปล่อยลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ ต้องให้หน่วยงานของภาครัฐเป็นผู้ดูแลต่อไป