หนาวนี้ โรคหัดระบาด เตือนพ่อแม่พาลูกรับวัคซีน ช่วงแรกเกิดถึง 4 ขวบเสี่ยงสุด

นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค ได้รับรายงาน โรคหัดในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 17 พ.ย.ที่ผ่านมา พบผู้ป่วย 2,637 ราย ไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบมากที่สุดคือ แรกเกิด-4 ปี รองลงมาอายุ 10-14 ปี และอายุ 5-9 ปี ตามลำดับ โดยเป็นสัญชาติไทยร้อยละ 88.6 ต่างชาติร้อยละ 11.4  โดยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีรายงานผู้ป่วยโรคหัดเป็นกลุ่มก้อน 1 เหตุการณ์ คือที่จังหวัดเชียงใหม่ พบผู้ป่วย 48 ราย เป็นชาวเมียนมา 40 ราย เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีผู้ป่วยรายใด ได้รับวัคซีนป้องกันโรคหัดครบตามเกณฑ์

ทั้งนี้ โรคหัดเกิดจากเชื้อไวรัส Measles ติดต่อโดยการไอ จาม หรือพูดกันในระยะใกล้ชิด วิธีสังเกต ระยะก่อนออกผื่น จะพบจุดสีขาว ๆ เหลือง ๆ ขนาดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดงาอยู่ที่กระพุ้งแก้มบริเวณใกล้กับฟันกรามล่าง (ถ้าเป็นมากจะพบอยู่เต็มกระพุ้งแก้ม) ซึ่งเรียกว่า “จุดค็อปลิก” (Koplik’s spot) ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของโรคหัด จากนั้นจะมีผื่นนูนแดงขึ้นที่หลังหูแล้วลามไปยังหน้า กระจายตามลำตัว แขนและขา มีน้ำมูกไหล ไอแห้งๆ ตลอดเวลา ตาแดงก่ำและแฉะ อาจพบจุดขาวๆ เล็ก ขอบสีแดงอยู่ในกระพุ้งแก้ม หลังผื่นผิวหนังลด จะปรากฏเป็นสีแดงคล้ำอยู่หลายวัน  ส่วนโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อย คือ อุจจาระร่วง หูชั้นกลางอักเสบ ปอดบวม สมองอักเสบ โดยเฉพาะในเด็กที่มีภาวะขาดอาหารหรือภาวะทุพโภชนาการ อยู่ในชุมชนแออัดและในศูนย์เด็กเล็ก ดังนั้นควรให้แยกผู้ป่วยที่สงสัยเป็นหัด จนถึง 4 วันหลังผื่นขึ้น  อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ การไปรับวัคซีนเพื่อป้องกันโรค โดยเด็กเล็กควรรับวัคซีนรวมป้องกันโรคหัด-คางทูม-หัดเยอรมัน (MMR) ให้ครบ 2 ครั้ง เมื่ออายุ 9-12 เดือน และ 2 ปีครึ่ง