กรธ.ส่งกม.ลูก2ฉบับสุดท้ายให้สนช. ลั่นทุกเสียงปชช.มีความหมาย

มีชัย โล่งอก หลังส่งกฎหมายลูก 2 ฉบับสุดท้ายให้ สนช.พิจารณา ขณะที่ รองประธาน สนช.ไม่กังวลเรื่องความเห็นต่าง เพราะเชื่อว่าไม่มีประเด็นใดหาจุดร่วมกันไม่ได้

คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ส่งร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็น 2 ฉบับสุดท้ายของกฎหมายลูก ที่ กรธ.ต้องรับผิดชอบ

โดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. กล่าวยอมรับว่า รู้สึกโล่งใจ เพราะที่ผ่านมากังวลว่าอาจจะไม่ทันกรอบเวลา 8 เดือน ส่วนหลังจากนี้ การทำงานของ กรธ. จะมี กรธ. ส่วนหนึ่งไปเป็นกรรมาธิการฯ ใน สนช. ส่วนการนัดประชุมของ กรธ. จะนัดประชุมเพียงสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อจัดทำรายงานการประชุม และติดตามกรรมาธิการฯ พิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับสุดท้าย เพราะ กรธ.ต้องอยู่ในตำแหน่งต่อไปจนกว่า กฎหมายลูกจะมีผลบังคับใช้ทั้งหมด

ด้าน นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวว่า สนช.จะพิจารณาร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ วาระแรกในวัน 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมยอมรับ ว่ากังวลเรื่องกรอบเวลาในการพิจารณา เพราะมีวันหยุดเยอะ ส่วนที่ กรธ.เสนอให้ตั้งกรรมาธิการชุดเดียวพิจารณากฎหมาย ส.ส.และ ส.ว.นั้น ขอหารือในประชุม วิป สนช. ก่อน เพราะเกรงว่าคณะเดียวจะพิจารณาไม่ทัน

"โดยแบ่งออกเป็นคนละคณะว่า ถ้าให้เป็นชุดเดียวกัน กรรมาธิการฯอาจทำงานหนักเกินไป ประกอบกับช่วงหลังเดือนธันวาคมมีวันหยุดราชการหลายวัน ดังนั้นการตั้งกรรมาธิการฯขึ้นมาพิจารณาแยกกัน จึงมีความเหมาะสมแล้ว"

ส่วนปัญหาเรื่องความเห็นต่าง นายสุรชัย กังวลเพราะก่อนหน้านี้กรรมาธิการศึกษาล่วงหน้าได้รับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย แต่ก็ยังไม่พบปัญหาที่ไม่สามารถหาจุดร่วมกันไม่ได้

สำหรับสาระสำคัญของร่างกฎหมายการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นไปตามหลักการที่รัฐธรรมนูญกำหนด ให้มีบัตรเลือกตั้งใบเดียว ทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีความหมาย ส่วนการกำหนดเบอร์ผู้สมัครจะแยกตามเขต เพื่อให้ประชาชนพิจารณาทั้งคน และพรรค  นอกจากนั้น การกำหนดโทษจะรุนแรงกว่าเดิม เช่น หากถูกจำคุก 1 ปี จะต้องถูกตัดสิทธิการเมือง 5 ปี และลดหลั่นกันไป ซึ่งผู้ที่ทุจริตการเลือกตั้ง จะถูกตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต และเป็นความผิดเฉพาะตัวไม่เชื่อมโยงครอบคลุมทั้งพรรค

ขณะที่ การได้มาซึ่ง ส.ว. หลักการคือ ประชาชนทั่วไป จนถึงระบบรากหญ้า ที่สนใจจะมีบทบาทเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ สามารถเข้ามาร่วมสมัครได้ และ กรธ. ได้วางระบบ ป้องกันการฮั้ว โดยจะมีการคัดเลือกตั้งแต่ระดับอำเภอ ขึ้นมายังจังหวัด และระดับประเทศ ซึ่งผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือก 10 คนแรก ในแต่ละสายอาชีพ 20 อาชีพ ก็จะได้รับเลือกให้มาทำหน้าที่ และแต่ละสายอาชีพ ก็จะมีรายชื่อสำรอง 5 รายชื่อ

ส่วนกรอบเวลาเลือกตั้ง หลังจากนี้ คือ 28 พ.ย.60 กรธ. ส่งร่าง กม.ลูก ให้ สนช.พิจารณา โดย สนช.ต้องพิจารณาให้เสร็จ ภายใน 26 ม.ค 61 จากนั้นส่งให้ กรธ.และ กกต.พิจารณา หากมีความเห็นแย้งต้องส่งกลับมาเพื่อตั้งกรรมาธิการร่วม ขั้นตอนนี้จะทำให้ กรอบเวลาขยายออกอีก 25 วัน หลังการพิจารณากรรมาธิร่วมต้องส่งร่างที่แก้ไข กลับไปให้ สนช.เพื่อลงมติอีกครั้ง ขึ้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมา เพราะหาก สนช.ไม่เห็นชอบ ต้องกลับไปนับ 1 ใหม่ แบบไม่มีกรอบเวลา กำหนดไว้ แต่หากเห็นชอบ ก็ดำเนินการต่อ โดยส่งให้ นายกนำขึ้นทูลเกล้า ในเดือน เม.ย.61 จากนั้น รอประกาศ ประมาณ มิ.ย.61 และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งภายใน พ.ย. 61 มีรัฐบาลภายใน ต้นปี 62