svasdssvasds

แจ้ง 3 ข้อหา! "ลุงหัวร้อน" ควงไม้เท้าทุบรถ อ้างคุมตัวเองไม่ได้

แจ้ง 3 ข้อหา! "ลุงหัวร้อน" ควงไม้เท้าทุบรถ อ้างคุมตัวเองไม่ได้

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

แจ้ง 3 ข้อหาคุณลุงหัวร้อนควงไม้เท้าทุบรถอาจารย์ ม.ดัง ยกมือไหว้ขอโทษ อ้างคุมตัวเองไม่อยู่เพราะป่วยเส้นเลือดในสมองแตก คู่กรณีเล่าระทึกลุงคลั่งทำส่วนเมียท้อง 9 เดือน – ลูกชาววัยขวบเศษยังผวา พร้อมให้อภัยแต่ขอตำรวจดำเนินคดีเป็นบทเรียน

ความคืบหน้าหลังผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ Santiphap Viriyothai นำคลิปภาพจากกล้องหน้ารถมาโพสต์เพื่อเตือนสติผู้ใช้รถใช้ถนน โดยเป็นภาพเหตุการณ์ขณะกำลังขับรถมาตามถนนจากนั้นได้ชิดซ้ายเพื่อใช้ช่องทางเบี่ยงเข้าเลนด้านนอก เป็นจังหวะเดียวกับที่มีรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ขับออกมาจากทางออกห้างพรอมเมนาดา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แล้วขับตรงมาตัดหน้ารถของผู้โพสต์ที่กำลังจะขับเข้าช่องทางเบี่ยง ผู้โพสต์จึงได้บีบแตรเตือนเป็นสัญญาณ แต่ปรากฏว่าคนขับลงได้รถมาจากรถแล้วใช้ไม้เท้าฟาดที่กระจกรถฝั่งคนขับจนแตกกระจาย ซึ่งภายในรถนอกจากคนขับแล้วยังมีภรรยาที่ท้อง 9 เดือน และลูกชายอายุ 1 ขวบ 9 เดือนนั่งอยู่ด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ ( 3 ธ.ค.)

ล่าสุดเช้าวันนี้ ( 4 ธ.ค.) นายพรพรหม โทณวนิก อดีตเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ อายุ 60 ปี ชายสูงอายุที่ปรากฏในคลิป และนายสันติภาพ วิริโยทัย อายุ 31 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยพายัพ จ.เชียงใหม่ ผู้เสียหาย ซึ่งเดินทางมาพร้อมภรรยา เดินทางเข้าให้ปากคำกับ ร.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ทิวรรณา พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรแม่ปิง โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทำร้ายร่างกาย ทำให้เสียทรัพย์ ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ทำลายความสงบสุขของประชาชนในถนนหรือทางหลวงโดยขู่เข็ญ ดูหมิ่น หรือ รังแก ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 พร้อมนำตัวนายพรพรหม พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติเพื่อส่งฟ้อง นายพรพรหม รับว่า สาเหตุที่ทำลงไปเป็นเพราะมีอารมณ์แปรปรวน เป็นผลมาจากเส้นเลือดในสมองแตกเมื่อประมาณ 5 ปีก่อน

ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา ทำให้อารมณ์ร้อน บางครั้งควบคุมตัวเองไม่ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับความควบคุมตัวเองไม่ได้และไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป มารู้ตัวภายหลัง ซึ่งตนเองก็รู้สึกเสียใจมาก การพบกันของคู่กรณีครั้งนี้ นายพรพรหม ได้เชิญผู้สื่อข่าวออกจากห้องเพื่อเจรจากับคู่กรณีเป็นการส่วนตัว โดยได้ยกมือไหว้ขอโทษคู่กรณีพร้อมบอกว่า ทำไปโดยไม่รู้ตัวและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ทั้ง ค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล และ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ด้านนายสันติภาพ บอกว่า ตนเองและภรรยารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก โดยในตอนนั้นได้พยายามขอร้อง นายพรพรหม เพราะมีลูกชายวัย 1 ขวบ 9 เดือน นั่งคาร์ซีทในรถ แต่นายพรพรหมก็ยังไม่ยอมหยุด ยังคงใช้ไม้เท้าทุบกระจกอย่างบ้าคลั่งกว่า 10 ครั้ง ตนใช้แขนป้องใบหน้าไว้ ทำให้เศษกระจกถูกแขนข้างขวาเป็นแผล เศษกระจกเข้าตา ส่วนภรรยาที่ตั้งครรภ์ 9 เดือน ใกล้คลอด พยายามใช้ตัวบังลูกชายที่นั่งคาร์ซีทเพราะกลัวบาดเจ็บ เหตุการณ์ครั้งนี้โชคดีที่ตำรวจมาถึงที่เกิดเหตุเร็วมากเพียงแค่ 5 นาที หลังโทรศัพท์ไปแจ้ง ทำให้เหตุการณ์ยุติโดยที่ไม่รุนแรงไปมากกว่านี้ หลังเกิดเหตุตนเองได้พาครอบครัวไปโรงพยาบาล โชคดีที่ลูกชายและภรรยาที่ตั้งครรภ์ไม่เป็นอะไร แต่ลูกชายยังอยู่ในอาการหวาดกลัว

เหตุการณ์ครั้งนี้ที่นำคลิปไปเผยแพร่ เพราะต้องการให้เป็นอุทธาหรณ์ในการใช้รถให้ทุกคนใจเย็น ไม่คิดว่าจะกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์มากถึงขนาดนี้ ส่วนคู่กรณี ตนเองและภรรยาไม่ติดใจและให้อภัย แต่ในส่วนของการดำเนินคดีก็จะให้ทางตำรวจดำเนินการไปตามพฤติการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้เป็นบทเรียนและเป็นตัวอย่างกับคนอื่น ๆ

ด้าน พ.ต.อ.ปิยพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเดินทางมาดูแลคดีนี้ บอกว่า ข้อหาที่แจ้งไปเป็นข้อหาที่สามารถเปรียบเทียบปรับได้ที่โรงพัก แต่เนื่องจากคดีนี้มีพฤติการณ์ที่ค่อนข้างรุนแรง ทำให้ พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.เชียงใหม่ สั่งให้พิมพ์ลายนิ้วมือทำประวัติและส่งฟ้องต่อศาล โดยไม่เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก

นอกจากนี้ พ.ต.อ.ปิยพันธ์ ยังได้ประชาสัมพันธ์ในการใช้รถใน จ.เชียงใหม่ โดยเฉพาะเดือนธันวาคมซึ่งเป็นเดือนแห่งการท่องเที่ยว มีปริมาณรถมาก ให้ปฏิบัติตามกฏหมายจราจรและให้ใจเย็นเพื่อลดการกระทบกระทั่งและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นตามมาจากความใจร้อน

 

 

 

related