"คมนาคม" เร่ง! แผนฟื้นฟู ขสมก.แก้ปัญหาหนี้

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม สั่ง ขสมก. เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการแก้ปัญหาหนี้ พร้อมศึกษาความเหมาะสมการโอนย้ายไปสังกัด กทม. ส่วนผลประมูลรถเมล์เอ็นจีวีได้ข้อสรุปสัปดาห์หน้าขณะเดียวกัน สั่ง บขส. ปรับปรุงแผนให้บริการแข่งสายการบินต้นทุนต่ำ และ ย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 เร็วกว่าแผน 6 ปี

[caption id="attachment_156985" align="alignnone" width="767"] นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม[/caption]

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังมอบนโยบายการทำงานให้แก่ผู้บริหารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก.ว่า ได้เร่งรัดโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ หรือ รถเมล์ เอ็นจีวี 489 คัน ให้แล้วเสร็จก่อนเปิดภาคเรียนในปีหน้า เพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนและเด็กนักเรียนได้ใช้บริการ ซึ่งในสัปดาห์หน้า คณะกรรมการฯ ขสมก. จะพิจารณาแนวทางการเจรจากับกลุ่มกิจการร่วมค้า SCN-CHO ( เอส ซี เอ็น- ชอว์) ที่มีบริษัท ช ทวี (ชอ-ทวี ) เป็นแกนนำเข้าประมูลเพียงรายเดียว ซึ่งเสนอราคาสูงกว่าราคากลาง 10% จากที่ตั้งไว้ที่ 4,020 ล้านบาท ทั้งนี้ ขั้นตอนการพิจารณาจะปฏิบัติตาม พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯฉบับใหม่

นอกจากนี้ มอบหมายให้เร่งจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ นโยบายรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้กว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งได้เสนอแนะให้ไปพิจารณาว่าในแผนฟื้นฟูฯ ควรจะให้ ขสมก.ไปอยู่ภายใต้การดูแลของกรุงเทพมหานครในฐานะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือไม่ เพื่อไม่ต้องรับนโยบายจากกระทรวงคมนาคม หรือ ฝ่ายการเมือง ที่เป็นสาเหตุให้มีภาระขาดทุน และ สามารถปรับค่าโดยสารเพิ่มขึ้นได้อย่างสมเหตุสมผล นอกจากนี้ จะทบทวนการยกเลิกรถร่วม ขสมก. เนื่องจากมีปัญหาเรื่องคุณภาพการให้บริการ และ ในอนาคตหาก ขสมก.จะมีโครงการใหม่ๆให้บริการ จะต้องมีการทำโครงการทดลองก่อนให้บริการจริง หรือ เปรียบได้กับสนามทดลอง หรือ แซนด์บ็อก ในภาคการเงิน เพื่อให้โครงการที่ออกมาไม่ล้มเหลวเหมือนในอดีต

นายไพรินทร์ ยังเดินทางไปมอบนโยบาย ให้แก่ผู้บริหาร บริษัท ขนส่ง หรือ บขส. โดยให้ปรับแผนการให้บริการใหม่ เนื่องจากผลกระทบจากสายการบินโลว์คอส ทำให้ผู้โดยสารลดลง ซึ่งแนวทางอาจศึกษาต้นแบบการบริหารจัดการของสายการบินโลว์คอส ที่ใช้ระบบเช่าเครื่องบิน เพื่อลดต้นทุนเรื่องการบำรุงรักษา และจะบริหารจัดการเฉพาะระบบจัดซื้อ การจองตั๋วและรายได้

นอกจากนี้ ยังให้เร่งแผนการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต 2 ไปยังที่พื้นที่จอดรถของสถานีรถไฟบีทีเอสใกล้กับกรมการขนส่งทางบก ให้สอดรับกับส่วนต่อขยายของเส้นททางรถไฟฟ้าบีทีเอส

บขส. รายงานว่าในปีหน้า ผลจากการปรับปรุงการให้บริการเพื่อเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายจะทำให้ บขส. มีรายได้ 4,000 ล้านบาท และ เริ่มทำกำไรสุทธิได้ 120 ล้านบาท หลังจากปีก่อนหน้าขาดทุนต่อเนื่อง นอกจากนี้ บขส. มีแผนลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อพัฒนาการให้บริการและเพิ่มรายได้ในระยะยาว