ปิดตำนาน"ผีกากา"! เรื่องราวของสุดยอดแข้งหน้าหล่อที่"แฟนผี"ไม่มีวันลืม

"มนุษย์คนสุดท้ายที่ได้บัลลงดอร์" หลายๆคนคงคุ้นชินกับคำนี้เมื่อจะพูดถึงนักเตะคนนึงที่มาจากแดนลาตินชื่อว่า "กากา"

เด็กหนุ่มพรรสวรรค์สูงจากประเทศบราซิลคนนี้มีชื่อเต็มว่า "ริคาร์โด้ อิเซคสัน ดอส ซานโตส ไลเต้ " ย้ายมาสร้างความยิ่งใหญ่กับทีม"ปีศาจแดงดำ"เอซี มิลาน เมื่อปี 2003 ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ ตอนนั้น เล่นเอา ซิลวิโอ้ แบร์ลุสโคนี่ ประธานสโมสรมิลาน พูดถึงการย้ายตัวของ กากา ว่า "ถูกเหมือนซื้อถั่ว"

และเพียงแค่ 1 เดือน ที่ย้ายมาเล่นในทีมยักษ์ใหญ่อย่าง เอซีมิลาน ก็จัดการเบียดรุ่นพี่ในทีมชาติอย่าง ริวัลโด้ รวมไปถึงจอมทัพโปรตุเกส อย่างรุย คอสต้า ให้ลงไปนั่งสำรองได้สำเร็จ ถ้าใครสงสัยว่า รุย คอสต้า ตอนนั้นเก่งแค่ไหน อธิบายสั้นๆก็คือเป็นเพลย์เมกเกอร์ของทีมใหญ่อย่าง เอซี มิลาน และเป็นหัวใจหลักของทีมชาติโปรตุสเกสด้วย โดดเด่นมีชื่อเสียงก่อน หลุยส์ ฟิโก้ เป็นเพลย์เมกเกอร์ระดับท็อปของโลกใบนี้

หลังจากนั้น กากา ก็เป็นตัวหลักตลอดมาให้กับทีม ด้วยลีลาการกระชากลากเลื้อยที่เร้าใจ ความเร็วที่ฉีกกองหลังฝ่ายตรงข้ามเป็นชิ้นๆ ร่างกายที่แข็งแกร่ง บวกกับเทคนิคการจ่ายบอลที่ยอดเยี่ยมทำให้แนวรุกของ เอซี มิลาน ในเวลานั้นยากที่จะมีใครต่อกรด้วย นอกจากนี้ยังมีใบหน้าที่หล่อเหลา จนกลายเป็นขวัญใจของแฟน เอซี มิลาน ทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จนถึงในปี 2007 ถือว่าเป็นช่วงพีคของเจ้าตัวอย่างแท้จริง!! แฟนบอลยุดเก่าคงยังจำกันได้ ปีนั้นมีเรื่องราวที่น่าาจดจำในการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพบกับ เอซี มิลาน นัดแรก แมนยูฯ เปิดบ้าน เอาชนะไปได้ก่อน 3-2 ก่อนที่ มิลาน จะมาเปิดสนาม ซานซิโร อัดทีม ปีศาจแดงไป 3-0 รวม 2 นัด เอซีมิลาน ชนะ 5-3

ซึ่งทั้ง 2 นัดที่กล่าวมา กากา ยิงไป 3 ประตู แบ่งเป็นที่โอลแทรฟฟอร์ด 2 ลูก และ ที่ ซาน ซิโร บ้านของ มิลาน อีก 1 ประตู ทั้ง 2 เกม กากา ได้โชว์ลีลา กระชากลากเลื้อย ฉีก แนวรับแมนยูฯ เหมือนเล่นกับ"เด็กประถม" ไม่ว่าจะเป็น เนมันย่า วิดิช แพตทริก เอฟร่า , กาเบรียล ไฮน์เซ ต่างโดน กากา หลอกไม่เป็นท่า แถมมีช็อตที่วิ่งชนกันเองด้วย!!!

แฟนบอลตรงข้ามกับ"ทีมปีศาจแดง" ก็ได้แต่สะใจกันทั่วหน้า ส่วนแฟนแมนยูฯ ก็ได้แต่ช้ำใจอย่างเจ็บปวด จนเป็นที่มาของเพลง "ผีกาก้า" ที่โด่งดังไปทั่วประเทศ ณ ตอนนั้น สร้างประวัติสร้างเป็นนักเตะต่างชาติเพียงคนเดียวที่มีเพลงประจำตัวและโด่งดังทั่วประเทศไทย

และในปี 2007 นั้นเองที่ กากา พาทีม เอซี มิลาน ก้าวไปเป็นแชมป์ ยุโรป ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ ลีก ทำให้เจ้าตัวได้รับรางวัลบัลลงดอร์ ได้คะแนนโหวต 444 เสียง เอาชนะ ลิโอเนล เมสซี่ 167 คะแนน และชนะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 189 คะแนน

ฤดูกาล 2007-2008 "เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ซิตี้ เคยจะระเบิดคลังตัวเองทุ่มงบ 100 ล้านปอนด์คว้าตัว กากา ไปร่วมทีม แต่ กากา ปฎิเสธ ค่าเหนือก้อนโตถึง 2 เท่าก่อนเลือกที่จะอยู่กับทีมต่อไป แต่ในช่วงฤดูกาล 2008-2009 มิลาน ปัญหาทางการเงินอย่างหนัก มิลาน จึงได้ตัดสินใจขาย กากา ให้กับ เรอัล มาดริด ไปด้วยค่าตัว 56 ล้านปอนด์ ซึ่งแม้ว่า กากา จะไม่ได้ต้องการย้าย แต่ก็จำเป็นต้องไป เพื่อช่วยเหลือสภาวะการเงินของสโมสร

ชีวิต ในถิ่น ซานติอาโก เบอร์นาบิว ของ กากา อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ มากนัก เพราะในตอนนั้นทีมมี คริสเตียนโน โรนัลโด อยู่ด้วย ซึ่งเป็น "ซุปเปอร์สตาร์อันดับ 1 ของทีม" แถมยังมีอาการบาดเจ็บรวบกวนอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของ "ราชันชุดขาว" ที่ได้แชมป์ ลา ลีกา ฤดูกาล 2011-12  และได้ย้ายกลับมาอยู่กับ เอซีมิลานอีกครั้งในฤดูกาล 2013-2014 ก่อนที่ในฤดูกาลถัดมาจะย้ายไปเล่นใน เมเจอร์ ลีก ซ็อคเกอร์ กับทีม ออร์แลนโด้ ซิตี้

ส่วนเรื่องราวกับทีม "แซมบ้า"บราซิล กากา อยู่ในทีมชุดแชมป์โลก ปี 2002 สร้างประวัติศาสตร์เป็น 1 ใน 8 นักเตะของโลกใบนี้ที่เคยได้ทั้ง แชมป์โลก, แชมป์สโมสรยุโรป และ บัลลงดอร์ ร่วมกับอตีดตำนานนะเตะชื่อก้องโลกอย่าง บ็อบบี้ ชาลตัน ,แกรนด์ มุลเลอร์, ฟรานซ์ เบคเคนเบาเออร์, เปาโล รอสซี่, ซีเนอดีน ซีดาน, ริวัลโด และ โรนัลดิญโญ่

ถึงแม้ว่าวันนี้ ริคาโด กากา จะประกาศแขวนสตั๊ดเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยวัย 35 ปี ถือปิดการปิดตำนาน "ผีกากา" อย่างแท้จริง และไม่ว่าหลังจากนี้ กากา จะไปทำอะไรก็ตาม แต่ฝีเท้าที่น่าทึ่ง รวมถึงการปฏิบัติตัวที่ยอดเยี่ยมเวลาอยู่นอกสนาม จะถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน และจะถูกจดจำในฐานะ"ตำนาน"คนนึงของเอซี มิลาน ตลอดไป ...

ขอบคุณภาพ PIC : instagram.com/kaka