ชาวบ้านริมโขงหวั่นผลกระทบ"เขื่อนปากแบง"

วันที่ 2 ม.ค.61 แม่น้ำโขง แม่น้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนถึง 6 ประเทศ ทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ในปัจจุบันมีเขื่อนเกิดขึ้นบนแม่น้ำแห่งนี้ที่จีน ประมาณ 7 เขื่อน และที่ลาว อีก 2 เขื่อน ขณะที่เขื่อนแห่งที่ 3 กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งในอนาคตมีการวางโครงการสร้างเขื่อนอีกหลายแห่ง เพื่อความต้องการทางพลังงานไฟฟ้า เมืองปากแบง แขวงอุดมไชย ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาว ถูกเลือกเป็นจุดสร้างเขื่อนปากแบง เขื่อนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.เวียงแก่น จ.เชียงรายไปเพียง 97 กิโลเมตร โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำปากแบง เป็นโครงการเขื่อนพลังน้ำไหลผ่าน ซึ่งจะก่อสร้างอยู่บนแม่น้ำโขง ลักษณะของเขื่อนปากแบง ประกอบด้วย เขื่อนคอนกรีต โรงไฟฟ้า ประตูระบายน้ำ ประตูเรือสัญจร และทางปลา วัตถุประสงค์ คือ ใช้เพื่อผลิตไฟฟ้า และปรับปรุงการเดินเรือบริเวณทางตอนบนของเขื่อน และสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่เขื่อน ซึ่งโรงไฟฟ้าจะมีกำลังผลิต 912 เมกกะวัตต์ การส่งออกไฟฟ้าขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงในแต่ฤดูกาล เป็นของกลุ่มบริษัท ต้าถังโอเวอร์ซีส์ อินเวสต์เมนต์ ซึ่งจะดำเนินการก่อสร้าง ในปี 2560 การก่อสร้างจะแล้วเสร็จและจ่ายกระแสไฟฟ้าในปี 2566 เขื่อนปากแบงแห่งนี้ ได้ถูกตามคัดค้าน จากชาวบ้านลุ่มน้ำโขงและกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติ ด้วยความกังวลว่าโครงการนี้จะส่งผลกระทบมากมายต่อระบบนิเวศ ส่งผลกระทบต่อประชาชนในลุ่มน้ำโขง เขื่อนจะทำให้ระบบนิเวศเปลี่ยนไป กระทบถึงห่วงโซ่อาหาร ส่งผลให้จำนวนปลาในแม่น้ำ มีจำนวนลดน้อยลง 8 มิถุนายน 2560 กลุ่มรักษ์เชียงของร่วมกับเครือข่ายประชาชน 8 จังหวัด ลุ่มน้ำโขง ยื่นฟ้องกรมทรัพยากรน้ำและคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย หรือ MRC ให้เพิกถอนข้อสรุปจากกระบวนการแจ้งล่วงหน้าและปรึกษาหารือ หรือ PNPCA กรณีผลกระทบข้ามพรมแดนจากโครงการเขื่อนปากแบง ซึ่งจะก่อสร้างบนแม่น้ำโขง ในแขวงอุดมไชย ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว หลังไม่ได้มีการศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนหากมีการสร้างเขื่อน 23 ก.ย.60 นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ เปิดเผยว่าได้รับแจ้งจากทนายความมูลนิธิศูนย์ข้อมูลชุมชน ว่ามีหนังสือแจ้งคำสั่งศาลปกครอง ในคดีที่กลุ่มรักษ์เชียงของฟ้องกรมทรัพยากรน้ำ และคณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย ในกรณีโครงการเขื่อนปากแบงบนแม่น้ำโขง ศาลปกครองกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้อง   12 พ.ย.60 การยื่นอุทธรณ์ในคดีโครงการเขื่อนปากแบง ศาลปกครองสูงสุดได้รับฟ้อง และเข้าสู่การพิจารณา เป็นผลสืบเนื่องมาจากการกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีที่ไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยเฉพาะในส่วนที่ได้มีการจัดการรับฟังความคิดเห็นที่ไม่ครอบคลุม และไม่ได้สัดส่วน ดังนั้น การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดี จึงเป็นการกระทำที่ถือได้ว่า ก่อให้เกิดการกระทบกระเทือนต่อสิทธิของประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงทั้ง 8 จังหวัด รวมถึงผู้ฟ้องคดีทั้ง4ด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาคดี สำหรับการฟ้องศาลปกครองครั้งนี้เป็นคดีที่ 2 ที่เป็นการฟ้องหน่วยงานรัฐไทยเกี่ยวกับผลกระทบข้ามพรมแดน จากโครงการที่อยู่นอกประเทศไทย เกี่ยวข้องกับแก้ไขกฎหมาย เกี่ยวกับการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวที่จะคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทย