ตร.ยัน! ศพนั่งยางเป็นชาวอิตาลี เร่งล่าตัวเมียไทยพร้อมชู้

  ความคืบหน้าคดีเผานั่งยาง ตำรวจพิจิตรยันผู้ตายเป็นชาวอิตาลี เร่งติดตามตัวเมียชาวไทยพร้อมชายชู้ชาวฝรั่งเศสที่กำลังหลบหนี จากกรณี พบศพชายนิรนามถูกเผานั่งยาง ที่บริเวณป่าข้างสระน้ำบึงทับจั่น หมู่ที่ 3 ต.แหลมรัง อ.บึงนาราง จังหวัดพิจิตร ใกล้กับที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแหลมรัง อ.บึงนาราง จ.พิจิตร ซึ่งทางตำรวจพบหลักฐานที่เหลือจากไฟไหม้ เป็นชิ้นส่วนขา และแขนของผู้เสียชีวิต โดยเศษขาขวาที่เหลือจากกองเพลิง มีรอยสักรูปกราฟิกสีดำที่น่อง โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ม.ค.61 ที่ผ่านมา ล่าสุด วันนี้(22 ม.ค.) พล.ต.ต. ธวัชชัย มวญนรา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร ได้เรียกประชุมตำรวจชุดคลี่คลายคลี เข้าร่วมประชุมเพื่อหาแนวทางในการสืบสวน ที่ห้องสืบสวน สภ.บึงนาราง โดยมี พ.ต.อ. ชัยเสถียร มณีจักร ผกก. สภ. บึงนาราง จังหวัดพิจิตร ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ. บึงนาราง ตำรวจ ชุดสืบสวน สภ. โพทะเล และชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธร พิจิตร เพื่อติดตามความคืบหน้า ของคดี หาตัวผู้ตายและ คนร้ายก่อเหตุ โดยในที่ประชุม วันนี้ได้ข้อสรุปและความคืบหน้า คือ ผู้ที่เสียชีวิตเป็นชาวอิตาลี ชื่อนายจูเซปเป เดอ สเตฟานี ชาวอิตาลี ส่วนคนร้ายต้องสงสัยก่อเหตุ คือ นางรุจิรา อายุ 38 ปี และนายฮามัวรี่ อายุ ประมาณ 34 ปี สามีชาวฝรั่งเศส ซึ่งหลังจากที่ก่อเหตุ ได้หลบหนีไปพร้อมกับนางรุจิรา พร้อมด้วยรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีบอนด์ หมายเลขทะเบียน กค-1374 สมุทรสงคราม นอกจากนี้ยังพบจดหมายที่นายจูเซปเป ได้เขียนทิ้งเอาไว้ก่อนตาย 1 ฉบับ มีข้อความว่า “ที่เธอบอกว่ารัก เพราะเพียงต้องการเงินเท่านั้น ไม่เคยเจอใครเลวเท่านี้ “ ซึ่งมูลเหตุ ของการฆาตรกรรม น่าเกิดจาก แฟนหญิงชาวไทย คบกับชาวต่างชาติ 2 คน และมาพบกันจึงเกิดการทะเลาะกันเรื่องเงินระหว่างผู้ตาย กับ แฟนสาวชาวไทย และ หนุ่มชาวฝรั่ง จนเกิดเหตุดังกล่าว โดยจากการสอบสวน ทางตำรวจได้เบาะแสว่ามีพยานจำรอยสักของนายจูเซปเป ผู้ตายได้ พร้อมหลักฐานจากกล้องวงจรปิด ในวันเกิดเหตุในช่วง 21.52 น.จากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ก็เห็นรถออกมาจากจุดที่เกิดเหตุ จนกระทั่ง เมื่อเวลา 04.00 น.พบรถจักรยานยนต์และรถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ ได้วิ่งเข้าออกที่บริเวณจุดที่เกิดเหตุอีก 1 รอบ ส่วนนายฮามัวรี่ นั้น มีแบล็คลิส ห้ามเข้าประเทศ แต่ได้ลักลอบหนีเข้ามายังประเทศไทย โดยใช้เส้นทางจากประเทศลาว เข้ามายังประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจชุดสืบสวนได้ประสานไปยังตำรวจท่องเที่ยว และ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสกัดเส้นทางหลบหนี ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุมาทำการสอบสวนเร็ว ๆ นี้