ศพพลทหารถูกซ้อมตายกลายเป็น"หินทองเหลือง" แม่ภูมิใจชี้ลูกมีบุญ!

จากกรณีที่ พลทหาร ยุทธกินันท์ บุญเนียม อายุ 22 ปี ทหารกองประจำการสังกัด กองร้อย มณฑลทหารบก ที่ 45 สุราษฎร์ธานี เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังที่เรือนจำ มทบ.45 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.60 ระหว่างการรักษาตัวที่ ร.พ.สุราษฎร์ธานี โดยนางเรณู หมดราคี มารดาพร้อมญาติ เข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.วิชัย ทัศนมณเฑียร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบก ที่ 45 (มทบ.45) เนื่องจากเชื่อว่าลูกชายถูกทำร้ายร่างกายภายในเรือนจำจนถูกนำส่งโรงพยาบาลและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ก่อนที่จะมีการเผาจำลองเมื่อวันที่ 10 เม.ย.60 นั้น

วันที่ 4 ก.พ.61 ล่าสุดได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าร่างของพลทหาร ยุทธกินันท์ บุญเนียม ซึ่งถูกบรรจุไว้ในโลงเป็นเวลากว่า 10 เดือน กลับไม่เน่าเปื่อยแต่กลายเป็นหินแข็งสีทองเหลือง และยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์

โดยนางเรณู กล่าวว่า “ไม่คิดว่าสภาพศพของลูกชายจะเป็นเช่นนี้ โดยหลังจากถอดปลั๊กตู้แช่ไปเมื่อสามเดือนหลังจากบำเพ็ญกุศลศพเสร็จ แต่ไม่ได้ปิดฝา เมื่อเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมากว่าลูกเป็นคนมีบุญ จึงอยากจะเก็บศพไว้ ทั้งนี้ รู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่เมื่อลูกเสียชีวิตแล้วเป็นแรงจูงใจให้คนเข้าวัดมาทำบุญมากขึ้น ด้วยการสร้างโบสถ์สร้างวัด เนื่องจากตอนมีชีวิตอยู่ เวลานั่งรถผ่านกับแม่ก็มักจะพูดว่าวัดบ้านเราไม่มีอะไรเลยแม้กระทั่งโบสถ์ คิดว่าสิ่งเหล่านี้คงเกิดจากแรงศรัทธาของลูก อีกทั้งในช่วงบำเพ็ญกุศลศพลูกได้มาเข้าฝันไม่ให้เผาร่าง

ขณะที่พระเอกพันธ์ อังสุธโร อดีตเพื่อนรุ่นพี่ทหาร ได้เดินทางไปบวชที่วัดยางงาม อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อเดือนพ.ค. 60 กล่าวว่า พลทหารยุทธกินันท์ เข้าฝันว่าบุหรี่หมดจึงได้เดินเข้าไปดูที่ไว้ศพพร้อมกับญาติโยมที่มาแก้บนและดึงให้ช่างเจาะช่องคอนกรีตเพื่อดูศพ พบว่าร่างกลายเป็นหินไปทั้งตัว จึงได้ปรึกษากับญาติของผู้ตายเพื่อทำโลงแก้วเก็บศพไว้

สำหรับเรื่องราวภายในวัดก่อนหน้านี้ช่างที่มาก่อสร้างเคยพบเห็นทหารถือปืนเดินวนไปวนมาบริเวณฐานโบสถ์ที่กำลังก่อสร้างอยู่ อีกทั้งเด็กนักเรียนที่มาเข้าค่ายอบรมก็มักจะเห็นทหารเดินไปเดินมาไปในวัดอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก็เป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล

ด้านผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า “หลังจากบำเพ็ญกุศลศพพลทหารแล้ว มีการเก็บศพไว้ที่วัดก็มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นหลายครั้ง อีกทั้ง ยังมีคนนิยมเข้าวัดมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน รวมถึงเงินที่ได้จากการทำบุญก็เพิ่มขึ้นจนสามารถสร้างและปรับปรุงหลายสิ่งภายในวัดให้เจริญขึ้น ซึ่งก็หวังว่า ต่อจากนี้คงจะมีประชาชนเดินทางเข้าทำบุญสมทบทุนเพื่อการสร้างโบสถ์สร้างวัดมากยิ่งขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคดีความ ศาลได้ออกอนุมัติหมายจับจำนวน 9 หมาย และ หมายเรียก 1 หมาย ต่อมาในวันที่ 24 เม.ย.60 ศาลออกหมายเรียก ให้ผู้ต้องหาอีก1คน เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งต่อมาอัยการศาล มทบ. มีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา ทั้ง11 คน ในวันที่ 28 มิ.ย.60 ทำให้ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกคุมขังในคดีเดิมอยู่ที่ เรือนจำ และได้ใช้สิทธิประกันตัวไปบางราย คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาล มทบ.45