svasdssvasds

"ล่าเพื่ออยู่ อยู่เพื่อล่า" จากใจพรานป่า เผยความต่างอดีต-ปัจจุบัน

"ล่าเพื่ออยู่ อยู่เพื่อล่า" จากใจพรานป่า เผยความต่างอดีต-ปัจจุบัน

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

อดีตพรานป่า เผย ความแตกต่างอดีตกับปัจจุบันของการล่าสัตว์ จากการล่าเพื่อประทังชีวิต กับการล่าเพื่อการค้า และความสนุก ชี้คนตะวันออกจะไม่ล่าเสือเพราะเป็นจ้าวป่า ชี้กรณีเสี่ยใหญ่ นั้น เป็นนักล่าดูจากอาวุธ

วันที่ 8 ก.พ.61 นายดวงคำ สุรินทร์ อายุ 69 ปี บ้านเลขที่ 123 หมู่ที่ 3 บ้านพบพระใต้ ต.พบพระ อ.พบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นอดีตพรานป่า กล่าวว่า เป็นพรานป่ามา 20 ปี โดยในสมัยก่อนนั้นจะนิยมออกล่าสัตว์ป่า เช่น เลียงผา เก้ง กวาง และ หมูป่า เป็นต้น ในพื้นที่อ.พบพระ ซึ่งขณะนั้นยังเป็นป่า เพื่อประทังชีวิต โดยไปกันครั้งละ 3 – 4 คน  เนื้อสัตว์ป่าที่ได้มาก็แบ่งกันกินในหมู่ญาติพี่น้อง และ เพื่อนในหมู่บ้าน ปัจจุบันนี้ได้หยุดไปแล้ว เนื่องจาก อายุมากขึ้น ขณะที่สัตว์ป่าก็น้อยลงเช่นกัน

ส่วนที่มีการกล่าวขานกันว่า คนตะวันออกจะไม่ล่าเสือนั้น เป็นความจริง เพราะถือว่าเสือเป็นจ้าวป่า ซึ่งสมัยที่ตนเป็นพรานป่าก็ไม่ได้ล่าเสือ หรือ สัตว์ใหญ่ เพราะ สัตว์พวกนี้อยู่ในป่าลึกไม่สามารถเข้าไปได้ เนื่องจาก มีผู้ก่อการร้าย และ คอมมิวนิสต์อยู่ สำหรับความยากง่ายในการไปล่าสัตว์อดีตกับปัจจุบันต่างกันมาก เมื่อก่อนต้องเดินเท้าเข้าป่าหลายวัน ไม่มีอาวุธที่ทันสมัย อย่างมากก็ใช้ปืนแก๊ปหรือปืนไทยประดิษฐ์

แต่สมัยนี้มีอาวุธมากมาย และ ใช้รถยนต์เข้าป่าบ้าง ส่วนกรณีนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อิตาเลี่ยนไทยดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ไปล่าสัตว์ป่า ที่เขตทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกนั้น หากดูจากอาวุธที่ใช้แล้ว น่าจะเป็นนักล่ามืออาชีพ และป่าใดยังคงสัตว์จำพวกเสืออาศัยอยู่นั้น แสดงให้เห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นสภาพป่าที่สมบูรณ์

related