svasdssvasds

จี้ ส.ข่าว เปิดเผยผลสอบ"บิ๊กสื่อคุกคามทางเพศ"ฉบับเต็ม

จี้ ส.ข่าว เปิดเผยผลสอบ"บิ๊กสื่อคุกคามทางเพศ"ฉบับเต็ม

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

12นักข่าว จี้ นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เปิดเผยผลสอบ “บิ๊กสื่อ” ฉบับเต็มหลังออกแถลงการณ์คลุมเครือ

วันที่ 12 ก.พ.61 นักข่าวภาคสนาม จำนวน 12 คน ประกอบด้วย นายณรรธราวุธ เมืองสุข นายกันติพิชญ์ ใจบุญ นายวรรณโชค ไชยสะอาด น.ส.หทัยรัตน์ พหลทัพ  น.ส.พรทิพย์ โม่งใหญ่  น.ส.ชวิดา วาทินชัย น.ส.นันท์ชนก วงษ์สมุทร์ นายอรรถชัย หาดอ้าน นายภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง นายเทวฤทธิ์ มณีฉาย นายฐิติ มีแต้ม และ น.ส.ปัณณพร นิลเขียว ได้ร่วมกันทำจดหมายเปิดผนึก เพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยผลสอบและขอเข้าพบนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องผู้บริหารสื่อมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศ โดยระบุใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า หลังจากนักข่าวภาคสนามได้เข้าชื่อขอให้องค์กรวิชาชีพตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีมีการกล่าวหาว่า ผู้บริหารสำนักข่าวแห่งหนึ่งมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.60 จนนำมาสู่การออกแถลงการณ์ของสมาคมเมื่อวันที่ 29 ม.ค.61 ที่ผ่านมา

แม้ในแถลงการณ์ของสมาคมฯ จะมีความพยายามเปิดเผยข้อเท็จจริง แต่ยังมีความคลุมเครือในหลายประเด็นโดยเฉพาะข้อความที่ระบุว่า

“พบว่ามีองค์กรข่าวแห่งหนึ่งที่บุคลากรทำงานด้วยความใกล้ชิดสนิทสนม เมื่อยามสนทนากันหรือทำงานร่วมกัน ก็มีการหยอกล้อกันเล่น มีการถูกเนื้อต้องตัวกันบ้างตามประสาคนที่ใกล้ชิด แต่ในช่วงกลางปี 2560 มีเหตุการณ์เป็นประเด็นระหว่างบุคคลสองคน ซึ่งบุคคลหนึ่งได้รับการปลูกฝังมาในเรื่องการให้เคารพต่อผู้ใหญ่ และวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับผู้บังคับบัญชา จึงมีการดูแลบุคคลอีกคนหนึ่งในลักษณะที่ใกล้ชิดสนิทสนม การให้ความไว้วางใจ ซึ่งมีบางเรื่องที่ความไว้วางใจเป็นเหตุทำให้เกิดความเข้าใจในลักษณะที่เป็นการตีความเข้าข้างตนเองของอีกฝ่ายหนึ่ง จนอาจนำไปสู่ความสุ่มเสี่ยงต่อการคุกคามทางเพศ  เพราะต่างตีความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน ต่อมาได้มีการพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจและขอโทษต่อกัน ซึ่งในท้ายที่สุดฝ่ายหนึ่งลาออกจากองค์กรข่าวแห่งนั้น  ต่อมามีบุคคลที่สามนำเรื่องราวที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงไปเผยแพร่สู่สาธารณะ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย โดยที่ทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าไม่ติดใจที่จะเอาความต่อกันในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างกัน”

จดหมายเปิดผนึก ระบุว่า การกระทำในลักษณะนี้ถือเป็นการคุกคามทางเพศหรือไม่ เพราะจากคำสัมภาษณ์ของอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงท่านหนึ่งก็ระบุว่า แถลงการณ์ของสมาคมนักข่าวฯ ได้ตัดตอนสาระสำคัญของรายงานฯ ออกไป  ทั้งนี้ในฐานะนักข่าวภาคสนามที่เคยเสนอให้มีการตรวจสอบควรมีสิทธิอันชอบธรรมในการรับรู้ผลสอบอย่างเป็นทางการ และเพื่อให้เกิดความกระจ่างในข้อเท็จจริงและเป็นการสร้างมาตรฐานในความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งถือเป็นธรรมาภิบาลที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนพึงมี จึงขอเรียกร้องให้สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยเปิดเผยรายงานทั้งฉบับสั้นและฉบับเต็มต่อสาธารณะ และเปิดพื้นที่พบปะพูดคุยระหว่างนักข่าวภาคสนามกับนายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อความเป็นธรรมกับทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหา   ทั้งนี้ทางกลุ่มนักข่าวภาคสนามยังเปิดรับรายชื่อนักข่าวอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้รับการตอบรับจากทางสมาคมนักข่าวฯ จึงจะปิดผนึกจดหมายแล้วไปยื่นหนังสือฉบับนี้เป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง

related