Travel Off Track : โคโลญ เมืองแห่งมหาวิหารยิ่งใหญ่ [คลิป]

[embed]https://youtu.be/PxVDHjGujII[/embed]

อุดมด้วยแหล่งท่องเที่ยว ที่สนองตอบผู้มาเยือนอย่างไม่รู้จักเบื่อ การเดินทางของเราข้ามต่อมาที่เมืองแห่งมหาวิหารหอคอยคู่แห่งเยอรมนี

เราสำรวจแฟรงเฟิร์ต เมืองใหญ่อันดับ 5 ของเยอรมนีมาแล้ว วันนี้ ถึงคราวของโคโลญ เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ และถิ่นกำเนิดของน้ำหอมโคโลญด้วย แล้วจะเริ่มชมที่ไหนก่อน คงไม่ต้องถามครับ เพราะนักท่องเที่ยวไม่ว่าใครก็ต้องมาที่นี่ มหาวิหาญแห่งโคโลญ

ก้าวออกมาจากสถานีรถไฟหลัก จะพบกับมหาวิหาร หรือโคโลญโดมแทบจะทันที แค่เพียงได้เห็น รับรองว่าต้องตะลึงกับความใหญ่โตอลังการ สถาปัตยกรรม ที่ต้องทำให้เราทึ่งกับความสามารถในการสร้างสรรค์ของมนุษย์ คุ้มค่ากับเวลาถึง 700 ปีเพื่อสร้างสรรค์มหาวิหารแห่งนี้

นักท่องเที่ยวถึงปีละ 6 ล้านคน เดินทางมาเพื่อชื่นชมโคโลญโดม มากยิ่งกว่าปราสาทเทพนิยายนอยชวานชไตน์เสียอีก ยอดปลายแหลมสารพัดที่เห็นเป็นแบบโกธิค หินที่ใช้สร้างเป็นหินทรายขาว ทำให้ดำด่างไปบ้างตามกาลเวลา มหาวิหารแห่งนี้เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.1707 เพื่อประดิษฐานแท่นบูชากษัตริย์สามพระองค์ ที่ปรากฎในคัมภีร์ไบเบิล ช่วงประสูติพระเยซูคริสต์ ก่อนจะมีการบูรณะต่อเดิมเรื่อยมา

ความยิ่งใหญ่ของมหาวิหาร ขับเคลื่อนให้โคโลญเป็นศูนย์กลางศาสนา พาณิชย์และศิลปะวิทยาการ และแน่นอนองค์การยูเนสโก ยกย่องเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมในปี 2539 ภายนอกว่างดงามแล้ว ภายใน….เอาเป็นว่า ลองไปชมเลยครับ

ดูเหมือนไม่ว่าจะมองไปทางไหน จะเห็นแต่ความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม แม้แต่แม่น้ำไรน์ที่ไหลผ่าน ด้วยความยาวถึง 1 พัน 320 กิโลเมตร ยังเป็นแม่น้ำยาวสุดอันดับ 3 ของยุโรป รองจากแม่น้ำโวลกาและดานูบด้วย แต่ความยิ่งใหญ่เหล่านี้ ไม่ได้มาง่ายๆ ครับ เพราะเช่นเดียวกับเมืองอื่นทั่วยุโรป โคโลญเคยเสียหายหนักจากสงคราม แต่ต้องนับถือความมุ่งมั่นของชาวเมือง ที่บูรณะซ่อมแซม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นเค้าของความเป็นอดีตเมืองโรมัน ที่เหลือเพียงไม่กี่แห่งในเยอรมนี

สะพานเหล็กแห่งนี้เองก็สร้างใหม่หลังพังทลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนกุญแจคล้องรักแบบนี้ คงคล้ายกับที่หลายคนเคยพบเห็นในโซลทาวเวอร์ในเกาหลีใต้ แต่ไม่ทราบนะครับว่า ใครที่เริ่มกระแสนี้ก่อน