โดนอีก อดีต ผบช.ก. ถูกศาลฏีกาฯนักการเมือง สั่งจำคุกหลังยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพิพากษาในคดีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ผู้ร้องให้วินิจฉัยว่า พล.ต.ท. หรือ นาย  ​ผู้ถูกกล่าวหา เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่ง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ห้ามมิให้ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นเวลาห้าปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 และให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119

โดย​ศาลเมืองพิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และคำให้การของผู้ถูกกล่าวหาแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องเรียกพยานมาไต่สวน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 ต่อมาวันที่ 24 ตุลาคม 2555 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่แสดงทรัพย์สิน คือ ที่ดิน 53 แปลง ห้องชุด 6 ห้อง รวมทรัพย์สิน 59 รายการ ซึ่งเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง ในการดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึง​พิพากษา จำคุก 2 เดือน แต่ พล.ต.ท. หรือ นายพงศ์พัฒน์ ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน พร้อมให้นับโทษจำคุกต่อจาก คดี อาญาที่ศาลอาญาเคยพิพากษาตัดสินมาแล้ว 4 สำนวน

สำหรับ พล.ต.ท. หรือ นายพงศ์พัฒน์ ก่อนหน้านี้ถูกฟ้องและพิพากษาคดีอาญา รวม 7 สำนวนเมื่อปี 2558 ในความผิดฐาน หมิ่นเบื้องสูง , คดีเรียกรับส่วยแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจในบช.ก , คดีเรียกรับส่วยน้ำมันเถื่อน , คดีลักลอบเปิดบ่อนการพนันย่านพระราม 9 , คดีร่วมกันฟอกเงิน , คดีกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ , คดีลักลอบครอบครองโบราณวัตถุ และคดีรับของโจร รวมจำคุกทั้งสิ้น 36 ปี 3 เดือน