'สี จิ้นผิง'กระชับอำนาจ กุมบังเหียนแดนมังกรไร้วาระสิ้นสุด

ความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจให้หลายฝ่าย

ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีมติเสนอให้ยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดให้ การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี ซึ่งมีวาระครั้งละ 5 ปี สามารถดำรงตำแหน่งได้สูงสุดไม่เกิน 2 สมัย หรือ 10 ปี ติดต่อกัน เป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างความประหลาดใจและทำให้หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า การยกเลิกวาระการดำรงตำแหน่งนี้ จะทำให้ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ที่จะหมดวาระสมัยที่ 2 ลงในปี 2023 หรือปี พ.ศ. 2566 จะสามารถอยู่ในตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งต่างจากผู้นำคนก่อน ๆ ของจีน ที่อยู่ในตำแหน่ง 2 สมัย ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ

การกำหนดวาระดำรงตำแหน่งของผู้นำจีน เริ่มต้นในช่วงปี 1990 ตามแนวคิดผู้นำ เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อพยายามที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวาย แบบในสมัยของประธานเหมา เจ๋อตุง แต่แนวคิดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเริ่มมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อนายสีจิ้น ผิง ไม่เปิดตัวทายาททางการเมืองในการประชุมใหญ่ของพรรค ทำให้หลายคนมองว่า เขาเตรียมหาทางนั่งเก้าอี้ผู้นำต่ออีกสมัยอย่างแน่นอน

"สีจิ้นผิง" กำลังจะหมดวาระผู้นำจีนสมัยแรก

นายสีจิ้นผิง ซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้นำจีนเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2013 กำลังจะหมดวาระผู้นำจีนสมัยแรกในเดือนมีนาคมนี้ แต่ทำไม สีจิ้นผิง ถึงต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต่ออายุการดำรงตำแหน่งผู้นำจีนในตอนนี้ ทั้ง ๆ ที่สมัยแรกของการดำรงตำแหน่งผู้นำจีนยังไม่ครบวาระเสียด้วยซ้ำ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนมองว่า นายสี จิ้น ผิง จะต้องตัดสินใจเดินหน้าขยายอิทธิพลทางการเมืองเสียตั้งแต่ตอนนี้ โดยไม่รอให้ใกล้จะหมดวาระในสมัยหน้า เพราะประธานาธิบดีสี คิดว่า ตอนนี้เป็นในช่วงที่ความเข้มแข็งทางการเมืองของเขาอยู่ในจุดสูงสุด หากรอให้ถึงสมัยหน้า หรืออีก 2-3 ปีข้างหน้า อาจมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายด้าน เศรษฐกิจพลิกผัน หรือมีปัญหากับเกาหลีเหนือ การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญในตอนนั้นคงไม่ใช่เรื่องง่าย

การแก้ไขบทบัญญัติวาระการดำรงตำแหน่ง เป็นสัญญาณชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะยุติ ธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมืองของจีน แต่หลังจากนั้นแล้ว จะมีความเสี่ยงอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ความเสี่ยงจะเกิดจากการที่อำนาจอยู่ในมือของคน ๆ เดียว และความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด อาจจะร้ายแรงกว่าผู้นำคนอื่นๆ ที่ผ่านมา นับตั้งแต่สิ้นสุดยุคของประธานเหมา เจ๋อ ตุง เสียด้วยซ้ำ

การกระชับอำนาจของ ประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ไม่เพียงแค่การขยายเวลาดำรงตำแหน่งผู้นำจีนเท่านั้น แต่ยังส่งสัญญาณว่า เขาจะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ผู้นำคนก่อน ๆ ของจีนอีกด้วย โดยในการประชุมสมัชชาใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ที่ประชุมได้มีมติให้บัญญัติแนวคิดของสีจิ้นผิง เรื่องบทบาทของสังคมนิยมสำหรับยุคใหม่ลงในธรรมนูญพรรค และเตรียมเพิ่มแนวคิดการเมืองของประธานาธิบดีสีไว้ในรัฐธรรมนูญ

นั่นก็หมายความว่า ความยิ่งใหญ่ของนายสีจิ้นผิง เทียบเท่ากับประธานเหมา เจ๋อ ตุง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ และนายเติ้ง เสี่ยว ผิง ที่แนวคิดของผู้นำทั้ง 2 ได้บัญญัติลงในรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นแม่แบบในการดำเนินประเทศของจีนมาจนถึงปัจจุบัน