ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/4 ของกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญหลายราย พร้อมยึดทรัพย์กว่า 725 ล้านบาท
พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวราขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/4 ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม 2561 โดยมีคดีสำคัญ ที่สำคัญดังนี้
คดีเเรก ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 2 (บก.ปส2) ขยายผลจากการจับกุมเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ของนายโกศล ศรีมงคล กับพวก รวม 5 ราย เมื่อวัน 28 ก.ค. 2560 ก่อนขยายผลไปยังผู้รับยาเสพติดและสืบทราบว่า นายฮาร์ปรีท ซิงห์ เป็นผู้ทำหน้าที่ด้านการเงินให้กีบกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด
ซึ่ง พล.ต.ท.สมหมาย ระบุ นายฮาร์ปรีท ตำรวจติดตาม พฤติกรรมมานานกว่า 20ปี ซึ่งทางตำรวจได้พยายามติดตามเส้นทางการเงิน แต่ยังเข้าไม่ถึง เนื่องกฏหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติด ยังไม่เอื้อประโยชน์ให้ตรวจสอบผู้ต้องหา ที่ไม่ได้ถูกจับกุมตัวพร้อมยาเสพติด จนกระทั่ง มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมบูรณาการทำงาน ทั้ง ป.ป.ง. อัยการสูงสุดและอีกหลายหน่วยงาน จึงทำให้พบหลักฐาน
ส่วนการจับกุม นายฮาร์ปรีท สืบเนื่องมาจากพบหลักฐานการโอนเงินหลายครั้งของลูกน้อง ไปให้กับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในการซื้อรถยนต์เพื่อนำมาดัดแปลง ลักลอบลำเลียงยาเสพติด อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับเส้นทาง ซึ่งในขณะนี้ แม้ว่า นายฮาร์ปรีท จะไม่ให้การรับสารภาพ แต่ก็มีหลักฐานทางการเงินชัดเจนมีความเชื่อมโยงสามารถเอาผิดได้
ขณะเดียวกัน กลุ่มชาวอินเดียที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ยังมีมีอีกหลายคนที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด อีกคดี ตำรวจ ปส.3 จับกุม ดาบตำรวจจิตรภานุ สุวรรณกุล หรือ ดาบสม พร้อมยึดทรัพย์สินประมาณ 7ล้านบาท
ขณะที่ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ระบุ ขณะนี้สถานการณ์ยาเสพติดในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากที่ผ่านมา ตำรวจเน้นปราบปรามกลุ่มวงจรที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินให้กับเครือข่ายยาเสพติดมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะไพรี 61/4 ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์ - 7 มีนาคม 2561 สามารถจับกุม ผู้กระทำผิดได้ ทั้งสิ้น 29 คดี จับกุมผู้ต้องหา 42 คน ยึดทรัพย์สินทั้งยาเสพติด กัญชา โคเคน อาวุธปืน รถยนต์ เงิน และอื่นๆอีกหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 725 ล้านบาท