อดีต ส.ส. ประชาธิปัตย์ ขอให้นายกรัฐมนตรี ระงับการอนุมัติงบประมาณติดตั้งระบบไอซีทีรัฐสภาแห่งใหม่ กว่า 8 พันล้านบาท เพราะอาจมีการทุจริตเอื้อประโยชน์เอกชน ขณะที่รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า ไม่ใช้วิธีประมูลเพราะมีกรอบเวลาจำกัด
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ระงับการอนุมัติงบประมาณ การติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ ICT ของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ กว่า 8 พันล้านบาท และตรวจสอบโครงการเพราะอาจมีการทุจริต
เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีการขยายเวลาก่อสร้าง 3 ครั้ง เป็นการเอื้อประโยชน์ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้รับผิดชอบโครงการ เพราะทำให้บริษัทไม่ต้องเสียค่าปรับ วันละ 12 ล้านบาท
นอกจากนี้ พบว่า อาจมีการทุจริตในการติดตั้งระบบ ICT ที่เดิมตั้งงบประมาณ ไว้ 3 พันล้านบาท แต่เพิ่มเป็น 8 พันล้านบาท โดยพบว่ามี นายชัชวาล อภิบาลศรี สมาชิก สนช. เสนอให้ใช้วิธีคัดเลือก เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทบางแห่งซึ่งอยู่ในเครือของซิโน-ไทย ที่จะเข้าร่วมคัดเลือก
ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะเข้าข่ายทุจริต จึงขอให้นายกรัฐมนตรี ระงับการพิจารณาอนุมัติงบฯ กว่า 8 พันล้านบาท และตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงด้วย
ขณะที่ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สาเหตุที่ตั้งเพิ่มงบประมาณ เป็น 8 พันล้านบาท เพราะต้องการปรับปรุงระบบ ICT ให้ทันสมัยขึ้น และยังไม่ได้ยื่นเรื่อง เข้าสู่การพิจารณาของ ครม. แต่ได้ทำเรื่องส่งไปยังนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ สำนักงบประมาณ และกระทรวงมหาดไทยเพื่อพิจารณาถึงความเร่งด่วนในการใช้งบประมาณแล้ว
ด้าน นายประสิทธิ์ อันตวิรุฬน์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สำหรับการคัดเลือกผู้รับจ้าง โดยมีบริษัทเมอร์ลินส์ โซลูชั่นอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการ เป็นผู้กำหนดคุณสมบัติของบริษัทที่จะเข้ายื่นประมูล และยืนยันว่าไม่มีการล็อคสเปค รวมถึงการดำเนินการต่างๆ ได้ขอคำแนะนำจากกรมบัญชีกลางแล้วว่าสามารถดำเนินการได้
ทั้งนี้ สำนักงานเลขาธิการรัฐสภา ในฐานะคู่สัญญาของบริษัท ซิโน-ไทยฯ มีการต่อสัญญากับบริษัทซิโน-ไทยฯ เพื่อขยายระยะเวลาให้การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ให้แล้วเสร็จมาแล้ว 4 ครั้ง ซึ่งการต่อสัญญาครั้งที่ 4 จะครอบกำหนด วันที่ 15 ธันวาคม ปี 2562 โดยสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา จะเริ่มย้ายเจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติงาน ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ในส่วนที่แล้วเสร็จภายในปีนี้