สหรัฐฯ ประณามรัสเซีย ล้มเหลวยุติใช้อาวุธเคมีในซีเรีย

นางซารา แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่า เหตุโจมตีด้วยอาวุธเคมีที่เกิดขึ้นในซีเรีย ทำให้เห็นว่า รัสเซียได้ทรยศต่อพันธสัญญาที่รับประกันว่า ซีเรียจะยุติการใช้อาวุธเคมีกับประชาชน โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อหามาตรการตอบโต้ที่เหมาะสม พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติร่วมกันแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับเหตุดังกล่าว เพื่อหาผู้รับผิดชอบในเหตุการโจมตีอย่างรุนแรงในซีเรีย

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวระหว่างการประชุมกับเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯจะตอบโต้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว ต่อการใช้อาวุธเคมีในซีเรียครั้งนี้ ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 60 คน และบาดเจ็บอีกกว่าพันคน

ขณะที่ โทรทัศน์ทางการซีเรีย เผยแพร่ภาพรถบัส ที่บรรทุกตัวประกันชาวซีเรียราว 75 คน มุ่งหน้าไปยังอาคารสนามกีฬา ในกรุงดามัสกัส เพื่อปล่อยตัวพวกเขากลับบ้าน โดยมีกองกำลังทหารตรึงกำลังอยู่ที่อาคารสนามกีฬา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังกลุ่มกบฎซีเรียทำสัญญาปล่อยตัวประกันกับกองทัพรัสเซีย เพื่อแลกกับการให้ทหารรัสเซียบางส่วน ถอนกำลังออกจากเมืองที่ถูกปิดล้อม

สำหรับกรณีการใช้อาวุธเคมีในซีเรียนั้น เกิดขึ้นในช่วงที่กองทัพซีเรีย หนุนโดยรัสเซีย ได้ถล่มเขตโกตาตะวันออกมายาวนานถึง 7 สัปดาห์ เพื่อกวาดล้างกลุ่มต่อต้านรัฐบาล ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือนมากกว่า 1,700 คน และอีกหลายพันคนต้องหนีตายออกจากพื้นที่ ก่อนที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่าเกิดการใช้อาวุธเคมีประเภทแก๊สคลอรีนในเมืองโดวมาของโกวตาตะวันออก ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ไม่กี่แห่งที่กลุ่มต่อต้านยังยึดครองอยู่