นักวิเคราะห์ระบุ'ทรัมป์'ควรได้เครดิตบางส่วนช่วยจัดประชุมสองเกาหลี

แม้ผู้นำสหรัฐฯจะออกมาอ้างผลงานว่าเป็นคนทำให้นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือและนายมุน แจ อินผู้นำเกาหลีใต้ได้พบกัน นักวิเคราะห์ระบุว่า การพบกันครั้งนี้ ก็ถือเป็นผลงานของนายทรัมป์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะประกาศว่านี่คือชัยชนะหรือเป็นผลงานชิ้นโบแดงของผู้นำสหรัฐฯนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะเกาหลีเหนือยังไม่ได้ยุติโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งภาวะสงครามเกาหลีก็ยังไม่ได้สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ

“สงครามเกาหลีกำลังจะสิ้นสุด สหรัฐฯและผู้คนทั้งหมดควรภาคภูมิใจต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในเกาหลีตอนนี้" นายทรัมป์ทวีตต่อการพบกันของผู้นำสองเกาหลี

ในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้โอกาสนี้โจมตีผู้นำยุคก่อนๆของสหรัฐฯที่ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ โดยบอกว่า สหรัฐฯนั้นถูกเล่นหัวมาโดยตลอดเพราะมีผู้นำที่แตกต่าง จากนี้เราจะไม่ยอมถูกปั่นหัวเล่นแล้ว

นอกจากนี้เขายังอ้างด้วยว่า ประธานาธิบดีมุน แจ อินบอกกับเขาว่า หากนายทรัมป์ไม่ได้แสดงท่าทีอันแข็งกร้าว ก็คงไม่ทำให้เกาหลีเหนือยอมเข้าร่วมมหกรรมกีฬาโอลิมปิกพยองชางเกมส์

ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่สองผู้นำเกาหลีจะพบกัน ทำเนียบขาวได้เผยภาพของนายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯคนใหม่ที่เข้าพบกับนายคิม จอง อึนอย่างลับๆในกรุงเปียงยางเพื่อตอกย้ำว่าสหรัฐฯนั้นมีบทบาทหลักจริงๆต่อการช่วยจัดการประชุมสองเกาหลีเมื่อวานนี้ ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้บอกกับซีเอ็นเอ็นว่า มันชัดเจนว่าประธานาธิบดีทรัมป์นั้นได้ความดีความชอบต่อเรื่องนี้ และนายไมค์ พอมเพโอระบุว่า เราจะไม่มาถึงจุดนี้เลยหากประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ใช้ไม้แข็งกดดันอย่างสูงสุดมาแต่แรก

อย่างไรก็ตาม จีนเป็นอีกประเทศที่มองข้ามไม่ได้ เพราะนักวิเคราะห์ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรอย่างแข็งกร้าวส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนืออย่างหนัก เพราะจีนร่วมช่วยกดดันด้วย เราจึงเห็นประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตต่อมาในวันศุกร์ว่า "โปรดอย่าลืมความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ของมิตรที่ดีของผม ประธานาธิบดีสีของจีน ที่ได้ช่วยสหรัฐฯ โดยเฉพาะที่ชายแดนของเกาหลีเหนือ หากไม่มีเขา ขั้นตอนคงยาวนานและยากมากกว่านี้ด้วยซ้ำไป”