svasdssvasds

ใช้ "ปิงปอง 7 สี" จัดความรุนแรงอาการเด็ก "สมาธิสั้น"

ใช้ "ปิงปอง 7 สี" จัดความรุนแรงอาการเด็ก "สมาธิสั้น"

กรมสุขภาพจิต เร่งเพิ่มการเข้าถึงบริการเด็กป่วยโรคสมาธิสั้นทั่วประเทศ ใช้ปิงปอง 7 สี จัดระดับความรุนแรงอาการของเด็กโรคสมาธิสั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างทดลองใช้ใน จ.สมุทรปราการ คาดสรุปผลใน 1 ปี ก่อนขยายผลใช้กับเขตสุขภาพทั่วประเทศ

นาวาอากาศตรีนายแพทย์บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กรมสุขภาพจิตได้เร่งพัฒนาระบบการเข้าถึงบริการของผู้ป่วยจิตเวชทั่วประเทศให้ได้รับการดูแลรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ สามารถอยู่ในครอบครัว ชุมชน และสังคมได้ ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การเข้าถึงบริการของเด็กที่ป่วยเป็นโรคสมาธิสั้น

เด็กไทยมีอัตราป่วยโรคนี้ร้อยละ 5.4 คาดว่าทั่วประเทศมีประมาณ 437,136 คน ในรอบ 6 เดือนปีงบประมาณ 2561 นี้ เข้าถึงบริการแล้วร้อยละ 12.49 ได้มอบหมายให้รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ จ.สมุทรปราการ สถาบันราชานุกูล และสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวชเด็กและวัยรุ่นที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคจิตเวชในเด็ก เป็นหน่วยงานหลัก เร่งพัฒนาระบบและแนวทางการดูแล ตลอดทั้งระบบการ ส่งรักษาต่อในรายที่รุนแรง

ด้านแพทย์หญิงนพวรรณ ศรีวงค์พานิช ผู้อำนวยการรพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ กล่าวว่า ในการพัฒนา แนวทางการดูแลเด็กโรคสมาธิสั้น กลุ่มงานพัฒนาเครือข่ายระบบบริการจิตเวชเด็กและวัยรุ่นของรพ. ยุวประสาทฯ ได้นำแนวคิดปิงปอง 7 สีที่ใช้ในการจำแนกอาการความรุนแรงของผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อหรือโรคเอ็นซีดี ( NCD) ที่ใช้ในเขตสุขภาพอยู่แล้วมาประยุกต์ใช้ดูแลคัดกรองเด็กสมาธิสั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการส่งต่อผู้ป่วยให้ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมและทันท่วงที โดยเทียบอาการความรุนแรงตามสี จากน้อยไปหามาก แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเสี่ยงยังไม่ถึงขั้นป่วย มี 3 สี และกลุ่มป่วยแล้ว มี 4 สี รวมทั้งหมด 7 สี

ใช้ "ปิงปอง 7 สี" จัดความรุนแรงอาการเด็ก "สมาธิสั้น"

เด็กสมาธิสั้นที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ใช้ปิงปอง 3 สี คือ

1. สีขาว หมายถึง กลุ่มซนปกติ แต่รอคอยไม่ได้

2. สีเขียวอ่อน หมายถึง กลุ่มที่ซนเล็กน้อย รอคอยไม่ได้

3. สีเขียว หมายถึง กลุ่มซนชนิดเสี่ยง คือ ซนมาก อยู่ไม่นิ่ง รอคอยไม่ได้ ซึ่งเด็กกลุ่มนี้สามารถดูแลที่บ้าน ที่โรงเรียนเพื่อปรับแก้พฤติกรรมให้ดีขึ้น โดยให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคแก่ผู้ปกครองและครู ตลอดคำแนะนำการเลี้ยงดูเชิงบวก การจัดการพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ตามวัย

ส่วนกลุ่มเด็กที่ป่วยแล้ว จะใช้สีปิงปอง 4 สี จากอาการน้อยไปอาการรุนแรง ต้องส่งพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาเพื่อควบคุมอาการร่วม และฟื้นฟูด้านจิตสังคมร่วมด้วย ได้แก่

1. สีเหลือง หมายถึง กลุ่มที่มีอาการสมาธิสั้น แต่ยังไม่มีปัญหาการเรียน

2. สีส้ม หมายถึงกลุ่มที่มีปัญหาการเรียนร่วมด้วย จะเพิ่มการให้คำปรึกษาในการจัดการปัญหาพฤติกรรมเฉพาะ ให้ความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

3. สีแดง หมายถึง กลุ่มที่มีปัญหาทั้งการเรียนและมีปัญหาด้านอารมณ์เป็นหลัก ต้องมีการรักษาโรคที่โรงพยาบาลต่อเนื่อง

4. สีเทา หมายถึง กลุ่มที่มีปัญหาความก้าวร้าวรุนแรง เสี่ยงต่อการทำร้ายตนเองและผู้อื่นด้วย จัดอยู่ระดับที่รุนแรงที่สุด ต้องได้รับการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

แพทย์หญิงนพวรรณ กล่าวต่อไปว่า การจัดระบบการดูแลเด็กสมาธิสั้นแบบปิงปอง 7 สีนี้ จะทำให้ผู้ปกครอง ครู และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข สามารถจัดระบบดูแลเด็กในเบื้องต้นและต่อเนื่อง หากเด็กมีอาการรุนแรงเกินขีดความสามารถจะมีระบบส่งต่อไปยังโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลจิตเวชเฉพาะทางตามลำดับ

ขณะนี้อยู่ระหว่างการทดลองใช้ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ที่ อ.บางพลี อ.บางบ่อ และอ.พระประแดง ในโรงพยาบาลชุมชน 3 แห่ง โรงเรียนระดับประถมศึกษา 15 แห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลประมาณ 14 แห่ง จะสรุปผลใน 1 ปี และคาดว่าจะสามารถนำไปขยายผลใช้ในเขตสุขภาพในต้นปีหน้านี้ ทั้งนี้ ผลของการรักษาโรคสมาธิสั้นตามปกติ เด็ก 1 ใน 3 มีอาการดีขึ้น สามารถเรียนและทำงาน ควบคุมอารมณ์ พฤติกรรมตนเองได้โดยไม่ต้องใช้ยา ใช้ชีวิตในสังคมได้ เหมือนคนทั่วไป อีก 1 ใน 3 อาการจะดีขึ้น อาจต้องใช้ยาช่วยควบคุมอารมณ์พฤติกรรมบ้าง และอีก 1 ใน 3 อาการคงที่หรือแย่ลง โดยเฉพาะรายที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลเดือนตุลาคม 2560 ถึง เดือนมีนาคม 2561 พบว่า สถานพยาบาลอื่นได้ส่งต่อผู้ป่วยเด็กมาให้โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ตรวจรักษาจำนวน 1,769 คน โดย 3 อันดับโรคแรก คือ สมาธิสั้น ร้อยละ 71 รองลงมาคือ ออทิสติกร้อยละ 20 ที่เหลือเป็นเด็กมีปัญหาการเรียน แพทย์หญิงนพวรรณกล่าว

related