‘ฮุนเซน’ เดินสายใช้นโยบายแจกเงินหาเสียงเลือกตั้ง

สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเดินหน้าปราศรัยต่อเนื่อง หลังวันเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชาใกล้เข้ามาทุกที  ล่าสุด เขาประกาศเจตนารมณ์ของเขาระหว่างปราศรัยกับกลุ่มแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอกว่า 1 หมื่น 6 พันคนนานกว่าชั่วโมง เรียกร้องให้เหล่าคนงานลงคะแนนเสียงให้กับพรรครัฐบาล หรือพรรคซีพีพี แล้วจะได้ของขวัญตอบแทนเป็นเงินสดคนละ  2 หมื่น เรียล หรือ ราว 158 บาท  เป็นของขวัญ ส่วนสตรีตั้งครรภ์จะได้รับเงินอุดหนุนเพิ่ม

รายงานระบุว่า แม้กำหนดการเลือกตั้งทั่วไปในกัมพูชาคือวันที่ 29 กรกฎาคม แต่ สมเด็จฮุนเซน ซึ่งปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปี กำลังทำทุกอย่างเพื่อให้มั่นใจว่าเขาจะคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกับในปี 2013 และ 2017 โดยครั้งนี้ เขาใช้มาตรการจูงใจทางการเงินดึงสาธารณชน และ มาตรการลงโทษฝ่ายค้าน

ขณะที่นักวิจารณ์ ประณาม สมเด็จฮุนเซนว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาธิปไตยด่างพร้อย หลังพยายามกำจัดผู้เห็นต่างทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง  เช่น เมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว นายเขม โสกา หัวหน้าพรรคกู้ชาติ หรือ ซีเอ็นอาร์พี พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา  ถูกจับกุมตัวในข้อหาเป็นกบฏต่อแผ่นดิน และวางแผนลับสมคบกับชาวต่างชาติเพื่อคุกคามประเทศ ในขณะที่สองเดือนต่อมา ศาลสูงกัมพูชาประกาศยุบพรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา ทำให้นักการเมือง  118 คน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี   และไม่สามารถลงเลือกตั้งได้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ของพรรคเกือบ 5 พันคน ยังถูกแทนที่ด้วยคนของพรรครัฐบาลด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน ยังมีการจำกัดเสรีภาพสื่อ จากการกวาดล้างอย่างหนักของรัฐบาล หนังสือพิมพ์แคมโบเดีย เดย์ลี ปิดตัวลงเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยข้อหาไม่จ่ายภาษีมหาศาล ส่วนเรดิโอ ฟรี เอเชีย ของสหรัฐฯ ก็ปิดลงเช่นกัน และนักข่าว 2 คนของทางคลื่น ก็ถูกจับในอีก 2 เดือนหลังด้วย

แม้ปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาโต้ตอบกรณีนโยบายจ่ายเงินให้กับเหล่าคนงานว่าเป็นเงินของรัฐบาล เช่นเดียวกับโฆษกประจำพรรครัฐบาล ที่ระบุว่า ไม่มีการจ่ายเงินซื้อเสียงใดๆทั้งสิ้น  แต่รายงานของวอยซ์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า พรรครัฐบาลมีการจ่ายเงินสดให้กับสมาชิกพรรคที่ให้คำมั่นสัญญายืนยันว่าจะภักดีต่อพรรค ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของกัมพูชา ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ก็หนุนการกระทำของสมเด็จฮุนเซนด้วย

สมเด็จฮุน เซน เป็นหนึ่งในผู้นำประเทศที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในโลก เขายกให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่นำพาความเจริญทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงมาสู่กัมพูชา แต่ฝ่ายวิจารณ์กล่าวว่า การปกครองของเขาก่อให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชัน ความไม่เท่าเทียมของคนในสังคม และการละเมิดสิทธิมนุษยชน

การเลือกตั้งครั้งสำคัญนี้จะชี้ว่าพรรคการเมืองใดจะได้ครองอำนาจการบริหารกัมพูชา และสมเด็จฮุนเซนจะนั่งเก้าอี้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของกัมพูชาหรือไม่ โดยขณะนี้ เริ่มมีการรณรงค์ให้คนวัยหนุ่มสาวที่ใช้แรงงานอยู่ต่างประเทศ เดินทางกลับกัมพูชาเพื่อมาใช้สิทธิลงคะแนนเสียงแล้ว  ขณะทีข้อมูลจากทางการ เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งปี 2013 มีประชาชนเพียง 2 ล้านคนจากผู้มีสิทธิออกเสียง5.3 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียง เท่านั้น