อย่าแหลม!! เอเยนต์ “โอซิล” งัดสถิติสวนประธาน “เสือใต้” ซ้ำเติมนักเตะหลังประกาศแยกทางทีมชาติ

“เอร์กัต โซกัต” เอเยนต์ส่วนตัวของ “เทพปรือ” เมซุต โอซิล มิดฟิลด์มากความสามารถจาก “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ออกแถลงการณ์ฉบับยาวสวนคำวิจารณ์ของ “อูลี เฮอเนส” ประธานสโมสร “บาเยิร์น มิวนิค” ยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ที่ออกมากล่าวก่อนหน้านี้ว่า นักเตะรายนี้ผลงานย่ำแย่ในสนาม และสมควรเลิกเล่นทีมชาติมาตั้งนานแล้ว

เพลย์เมกเกอร์วัย 29 ปีของ “เดอะ กันเนอร์ส” ช็อคแฟนบอลทั่วโลกด้วยการประกาศเลิกเล่นทีมชาติ หลังไม่พอใจที่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจาก “ไรน์ฮาร์ด กรินเดล” ประธานสหพันธ์ลูกหนังเยอรมัน หรือ “เดเอฟเบ” คนปัจจุบัน เพราะกลายเป็นแพะรับบาปจากความล้มเหลวของ “เยอรมัน” หลังตกรอบแบ่งกลุ่มใน “ฟุตบอลโลก 2018” แถมยังไม่ได้รับความเคารพในรากเหง้าความเป็นตุรกีของเขาด้วย จากการที่เขาไปถ่ายภาพกับ “เรเซ็ป ทายยิป เออร์โดกัน” ประธานาธิบดีตุรกี

เอเย่นต์ส่วนตัวของเพลย์เมเกอร์รายนี้ แถลงการณ์ผ่าน Goal ว่า “คำวิจารณ์ของเฮอเนส ผิดประเด็นไปอย่างสิ้นเชิง มันไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับฟุตบอลเลย เขาพยายามจะโยงออกไปให้ไกล จากประเด็นที่แท้จริง คือประเด็นเรื่องการเหยียดผิว และแบ่งแยกชาติพันธุ์ในเยอรมัน ซึ่งฟื้นคืนมาอีกครั้งในสังคมเยอรมันทุกวันนี้”

“อย่างที่เมซุตกล่าวในแถลงการณ์ เขายอมรับเสียงวิจารณ์ที่สมเหตุสมผล และยุติธรรมในเรื่องฟุตบอลได้ และรับมือกับมันในฐานะส่วนหนึ่งของงาน แต่ถึงอย่างนั้น เฮอเนสก็ไม่สามารถให้หลักฐาน เพื่อสนับสนุนแถลงการณ์ที่โง่เง่าของเขา ซึ่งเป็นการกล่าวเกินจริงอย่างเห็นได้ชัด ในเรื่องนี้ สถิติบ่งบอกได้อย่างชัดเจน เขายิงได้ 23 ประตู กับอีก 40 แอสซิสต์ ซึ่งเป็นสถิติของเยอรมัน และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันถึง 5 ครั้ง และมี 3 ครั้งที่ได้รับหลังจากปี 2014”

“เขาบอกว่าเมซุตเล่นเป็นผีมาหลายปี แต่ผีตัวไหนที่คว้ารางวัลเหล่านี้ และประสบความสำเร็จได้มากขนาดนี้ เมซุตสร้างโอกาสได้มากกว่าใครๆ ในฟุตบอลโลก 2018 เมื่อคิดเป็นอัตราต่อ 90 นาที แต่แน่นอน ว่าเขาก็ยังโดนเฮอเนสพุ่งเป้าวิจารณ์อยู่ดี ในฐานะประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค มันน่าจะดีกว่า ถ้าจะไปสนใจกับผลงานของนักเตะทีมตัวเอง เมื่อพิจารณาจากที่ว่ามีนักเตะถึง 8 คนในทีมชาติเยอรมัน ที่มาจากสโมสรแห่งนี้”

“เฮอเนส เราจะไม่เสียเวลาและพลังงานมากไปกว่านี้เพื่อจะพูดถึงหัวข้อที่เห็นได้ชัดเจนคุณไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เพียงมันจะทำให้คุณเสียชื่อเสียงเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือยังเป็นความอับอายของวงการฟุตบอลเยอรมันและประชาชนชาวเยอรมันอีกด้วย”

สำหรับในโลกของกีฬา เป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับการเชื่องโยงเข้ากับการเมือง ซึ่งเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการเหยียดผิว ชาติพันธุ์ ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ทุกยุคสมัย แม้จะมีกฎออกมา ทั้งแบน ทั้งปรับเงิน แต่ก็ยังไม่หมดไปจากโลกกีฬา

ถ้าให้มองถึงใจเขาใจเรา คนที่น่าเห็นใจที่สุดคือตัวของนักกีฬาเอง ที่ต้องเป็นคนแบกรับกระแส และคำถามต่างๆมากมายที่โหมกระหน่ำเข้ามา เมื่อต้องตกเป็นแพะในสถานการณ์นั้นๆ

ขอบคุณภาพจาก Germany Football Team - Die Mannschaft