สุริยะ ปัดเป็นพลังดูด ย้ำ ใครมาขอเงินไม่ร่วมทางเดินด้วย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่ออกมาระบุว่าเป็นพลังดูดของพรรคพลังประชารัฐ ผ่านเวที เปิดความลับประเทศไทย ในรายการ เจาะลึกทั่วไทย โดยระบุว่า

“ผมรู้สึกว่าผมเป็นจำเลยของสังคม ผมต้องย้อนไปว่าคำนี้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเริ่มมาจากตอนผมไปจังหวัดเลยตอนไปพบท่านอดีตรัฐมนตรี ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข ซึ่งอยู่สังกัดพรรคเพื่อไทย ทุกคนเลยมองว่าผมไปใช้เงินเพื่อจะให้คุณปรีชา มาอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐ ท่านมีฐานะเป็นรัฐมนตรีมาถึง 2 กระทรวงอีกทั้งท่านทำธุรกิจ ซึ่งผมคิดว่าทรัพย์สินของท่านน่าจะนับพันล้าน แล้วคนซึ่งมีฐานะแบบนี้ มีข่าวว่าผมจะไปใช้เงิน 30 ล้าน เขาจะมาหรอ ท่านก็คงสงสัยว่าแล้วทำไมถึงว่า”

“คือตัวท่านเองรู้สึกว่าท่านไม่ได้รับการปฎิบัติที่เป็นธรรมกับท่านเพราะไปปลดท่านออกโดยไม่ได้ให้เหตุผลที่สมควรแก่ท่าน ท่านจึงบอกว่าคับที่อยู่ได้คับใจอยู่ไม่ได้ ผมอยู่พรรคไทยรักไทยตั้งแต่สมัยตั้งพรรคใหม่ๆ ทางพรรคก็ถูกพรรคอื่นๆโจมตีว่าใช้เงินเพื่อดูด ส.ส. คนอื่นมา ไปซื้อเสียงเลือกตั้ง ซึ่งพรรคคู่ต่อสู้ทุกวันนี้ก็ยังคิดอย่างนี้อยู่ ถึงทำให้พรรคไทยรักไทย ชนะมาด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย พอมาเป็นพลังประชาชนก็ชนะ มาเป็นเพื่อไทยก็ชนะ เพราะเขาใช้นโยบาย แต่ว่าถ้าพรรคอื่นไม่คิดจะเสนอนโยบายมาแข่งยังไงก็สู้ไม่ได้ พรรคประชารัฐถึงต้องแข่งด้วยนโยบายเพราะถ้าไปแข่งด้วยเงินยังไงก็แพ้ เพราะฉะนั้นสังคมอาจมองว่าผมมีเงินแล้วจะใช้เงินซื้อ ซึ่งถ้าคนที่ต้องการมาอยู่กลุ่มผมแล้วมาขอเงิน ผมก็คงขอให้ไปทางอื่น เพราะถ้าคิดอย่างนั้นแสดงว่าตัว ส.ส. ผู้นั้นไม่ต้องการลงพื้นที่หาเสียงแต่จะใช้เงินไปซื้อเสียงมา ตอนผมเป็นรัฐมนตรีคมนาคมผมต้องไปประจำอยู่ที่ขนส่งฯ เพื่อจะระบายประชาชนเป็นหลายแสนคนที่มีความกระตือรือร้นที่จะไปเลือกตั้ง”

ส่วนสาเหตุที่ไม่ไปอยู่กับพรคอื่นๆนั้น นายสุริยะกล่าวว่า อาจเป็นเพราตอนที่ตนเองอยู่พรรคไทยรักไทย เป็นเลขาธิการพรรค ทาง ส.ส. ที่อยู่พรรคไทยรักไทยเขาเห็นว่าตนเองปฎิบัติกับทุกคนด้วยความเป็นธรรม เวลา ส.ส. ได้รับข้อมูลว่าประชาชนต้องการอะไรตนเองก็จะรีบไปติดต่อให้ นี้คือสิ่งที่มีความผูกพันธ์กัน พอกลับมาเล่นการเมืองอีก เขาจึงกลับมาอยู่ด้วย