svasdssvasds

”หัวเขียง”ประคอง พท.อีสาน

”หัวเขียง”ประคอง พท.อีสาน

การเลือกตั้งในทุกครั้งที่ผ่านมา พื้นที่แถบอีสาน ถือเป็นขุมทรัพย์ อันมีค่ามหาศาล ไม่ว่าพรรคไหนก็อยากได้ใจคนแถบนี้ไปครอบครอง เช่นครั้งหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยกวาดไปเกือบยกภาค100กว่าที่นั่ง เหตุนี้ยุทธศาสตร์ภาคอีสานจึงจัดว่าสำคัญ

พรรคไหนอยากได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ต้องกวาด ส.ส.ภาคอีสานให้ได้มากที่สุด ..นี่คือเรื่องจริงของการเมืองไทยตั้งแต่อดีตและจะต่อเนื่องถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้รัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 จะออกแบบให้การเลือกตั้ง ส.ส.ใช้ระบบจัดสรรปันส่วนผสม ซึ่งมีเพียงประเทศเดียวในโลกที่ใช้ โดยสาระสำคัญ คือการกระจาย ส.ส.ไปยังพรรคอื่นๆแทนการกระจุกตัว จึงจะไม่มีพรรคการเมืองไหน ได้เสียง ส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของ ส.ส.ทั้งหมด

แต่กระนั้น ส.ส.ภาคอีสานก็ยังเป็นหมุดหมายสำคัญของพรรคใหญ่อย่าง “เพื่อไทย” ที่ยังแอบหวัง จะปาดหน้าแซงโค้งเอาชนะขั้วที่สนับสนุน”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ในที่สุด

เลือกตั้ง 2554 อีสานมี ส.ส.เขต 126 คน พรรคเพื่อไทยคว้าไป 104 คน หลายจังหวัดกวาดแบบเหมาทุกเก้าอี้ไม่แบ่งใคร จึงถือเป็นฐานที่มั่นสำคัญพอๆ กับภาคเหนือ เลือกตั้งครั้งใหม่ ทุกพรรคจึงหมายปั่นปั้นมือจะเจาะพื้นที่ดึงเก้าอี้ไปนั่งเองบ้าง ทั้งภูมิใจไทย ที่ครั้งก่อนได้เพียง 13 คน หรือประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนา ซึ่งได้แบ่งไปเพียงพรรคละ 4 คน

”หัวเขียง”ประคอง พท.อีสาน

รวมทั้งกลุ่มสามมิตร ที่มีสัญลักษณ์บนหน้าผาก โชว์ยี่ห้อสนับสนุน ”บิ๊กตู่” ก็มุ่งเน้นลงพื้นที่อีสานอยู่พักใหญ่ นับตั้งแต่สร้างชื่อกระหึ่ม ด้วยการ”ดึง”และ”ดูด”กลุ่ม ส.ส.จังหวัดเลย ที่นำโดยนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีตรัฐมนตรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เก็บข้าวเก็บของทิ้งพรรคเพื่อไทยมาอยู่ด้วย พร้อมๆโผรายชื่ออดีต ส.ส. 30 กว่าคนที่จำเพาะเจาะจงต้องหลุดไปถึงมือนักข่าว

ตามด้วยกลุ่มนายสุพล ฟองงาม อดีตรัฐมนตรีมหาดไทย จังหวัดอุบลราชธานี ที่เปิดหน้าเต็มตัวในการลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจรเมืองดอกบัว

สำหรับคนภายนอก อาจเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยกำลังระส่ำหนัก เหมือนพาดหัวตัวไม้บนหน้าสื่อ แต่หลังจาก 2 ศรีพี่น้องอดีตนายกฯที่อยู่แดนไกล ออกมาไลฟ์สด  คาดการณ์พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์และหิมะถล่มแน่นอน และปราบอดีตลูกพรรค หากยังอยากเป็น ส.ส.ต่อไป ต้องยังอยู่กับพรรค

นั่นเป็นวิธีปลุกปลอบขวัญผ่านโลกเทคโนโลยีให้คนทั่วไปได้เห็น  ขณะที่ในทางปฏิบัติ ได้อาศัย“หัวเขียง”ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ ประธานภาคอีสานคนใหม่ ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่ต่อจาก พายัพ ชินวัตร ในการพบปะพูดคุยกับอดีต ส.ส.อีสานอย่างต่อเนื่อง และกำชับไม่ให้ตื่นตกใจ แต่ให้ขยันลงพื้นที่ไปคลุกคลีกับชาวบ้านในเขตเลือกตั้งของตนเองอย่าได้ขาด พร้อมชี้แจงให้เห็นความแตกต่างระหว่างรัฐบาลนี้ กับรัฐบาลทักษิณ และรัฐบาลปู-ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับฐานราก  แต่ทั้งนี้ ต้องรายงานผลความนิยมในพื้นที่ให้ทราบเป็นระยะๆ ห้ามละเลย

”หัวเขียง”ประคอง พท.อีสาน

“หัวเขียง”ประยุทธ์ คนนี้ เป็นอดีต ส.ส.หลายสมัย จังหวัดมหาสารคาม อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง และเป็นรองประธานกรรมาธิการ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอันลือลั่น โดยที่เขาเป็นคนเสนอเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เป็นฉบับสุดซอย นั่นเอง

ว่ากันว่า ผลจากรายงานคะแนนนิยมที่ส่งกลับ ยังมีเสียงตอบรับในเชิงบวกจากหลายนโยบายที่ชาวบ้านได้อานิสงส์  จึงมั่นใจว่า ชนะแน่นอน ทั้งยังเปรียบเปรยคู่แข่งว่าเป็นเพียงนัก”ก๊อปปี้”ลอกเลียนแบบ ไม่ใช่ของจริง

กอร์ปกับเขตเลือกตั้งใด อดีตส.ส.ประกาศย้ายออก กลับปรากฏคนใหม่สนใจจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคเพื่อไทยแทนมากหน้า ชนิดเลือกไม่ถูก

ลับสุดยอดวงใน รายงานด้วยว่า มีอดีต ส.ส.หลายคนที่เคยลาออกจากพรรค ตอนนี้ขอกลับคืนไปเป็นลูกพรรคดังเดิม แต่มีเพียงบางคนที่อยู่ในข่ายจะได้กลับ แต่สำหรับประเภท “ดี 1 ประเภท 1” ที่อยู่ในลิสต์รายชื่อต้องห้าม กลุ่มนี้อยากกลับแต่ไม่ให้กลับแน่นอน อาทิ เสี่ย บ. เสี่ย ส. และอีกหลายคน

นับเป็นการปรับทัพ โดยอาศัยจุดเด่นของตัวบุคคลที่อยู่แดนไกล และนโยบายประชานิยมที่”โดนใจ”ผู้คน จนยากที่พรรคอื่นจะเจาะทลวง

กลุ่มสามมิตร ที่เดิมคึกคักฮึกเหิมดุจพลังอาชาไนย  แต่ช่วงหลังๆกลับทำได้เพียง ขี่ม้าเลียบค่าย ไปคว้าเอานักการเมืองเกรดบี เกรดซี รวมทั้งนักการเมืองท้องถิ่น มาประดับเพิ่มจำนวนให้มากขึ้น เท่านั้นเอง…

related