กัญชาของกลางปนเปื้อน ปรับแผนหาพื้นที่ปลูก - วิจัยกัญชา

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลการตรวจวิเคราะห์กัญชาของกลาง นำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ล็อตแรก จากกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) 100 กิโลกรัม ว่า ขั้นตอนการผลิตสารสกัดจากกัญชาหรือการผลิตเป็นยา วัตถุดิบจะต้องมีคุณภาพ เพราะความปลอดภัยต่อประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ องค์การเภสัชกรรม (อภ.) จึงมีนำของกลางส่งมาให้กรมฯ ตรวจสอบ เมื่อ 25 ต.ค. รวม 3 ตัวอย่าง

 ผลการตรวจสอบ 3 เรื่องพบ ไม่พบการปนเปื้อนยาฆ่าเชื้อราใน 3 ตัวอย่าง จากกัญชาแห้ง แต่พบสารเคมีกำจัดศัตรูพืช คือ คลอร์ไพริฟอส และไซเปอร์เมทริน ทั้ง 3 ตัวอย่าง รวมถึงตรวจพบโลหะหนัก ทั้งตะกั่ว ปรอท สารหนู และแคดเมียม ทั้ง 3 ตัวอย่างด้วย โดยกระบวนการผลิตเป็นยาต้องมีมาตรฐาน ซึ่งจากผลการตรวจสอบถือว่า กัญชาของกลางไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะนำมาใช้ผลิตเป็นยารักษาผู้ป่วย เพราะมีสารฆ่าแมลงที่เป็นพิษต่อร่างกาย อาทิ มีผลต่อระบบประสาทในเด็ก ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนอ่อนเพลีย และระบบหายใจล้มเหลว เป็นต้น ส่วนคนที่ลักลอบนำมาสูบ นอกจากผิดกฎหมายแล้ว ยังอาจได้รับสารพิษ

ด้าน เภสัชกรหญิงนันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล ผอ.สถาบันวิจัยและพัฒนาองค์การเภสัชกรรม ระบุว่า กัญชาของกลางที่เอามา 100 กิโลกรัมแรก ไม่สามารถใช้ทำยา หรือศึกษาทางคลินิกได้ แต่สามารถเอาไปศึกษาในประเด็นอื่นที่ไม่เกี่ยวกับผู้ป่วยบริโภค เช่น ศึกษาสารหลักที่ออกฤทธิ์เป็นยาเท่าไร เหมาะกับการรักษาโรคอะไร ก็จะได้ข้อมูลวิชาการเพิ่มขึ้น

 ทั้งนี้ แนวทางแก้ปัญหาเร่งด่วน มี 2 แนวทาง คือ

1.ติดต่อ บช.ปส. เพื่อขอกัญชาของกลางล็อตใหม่ ซึ่งได้ประสานไปแล้ว 300 กิโลกรัม เพื่อให้กรมวิทยาศาสตร์ตรวจสอบคุณภาพก่อน หากปลอดภัยจะนำมาทำต่อ ถ้าไม่ปลอดภัยก็ไม่ใช้

2.เร่งรัดกระบวนการปลูกกัญชาให้เร็วที่สุด

 โดยจะทำคู่ขนานกัน เพื่อแก้ไขปัญหาวัตถุดิบที่จะนำมาวิจัยพัฒนาต่อไปตามแผนที่วางไว้ คือจะปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าอาคาร หลังหนึ่งของโรงงานผลิตยาที่รังสิต ในการปลูกกัญชา ขนาดกว่า 1,000 ตารางเมตร จะเริ่มปลูกปลายปี 2562 เมื่อต้องเร่งรัด จึงต้องหาพื้นที่ปลูกใหม่เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า