นายธนากร ริตุ ผู้สื่อข่าวสปริงนิวส์ฯ ลงพื้นที่เกาะติดสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก ที่จ.นครศรีธรรมราช ที่ปากน้ำสิชล ซึ่งมีชาวประมงทั้งคนไทยและต่างชาติ เมื่อช่วงกลางวันได้สำรวจพื้นที่ใกล้ชายฝั่งทะเล ชุมชนปากน้ำสิชล อพยพไปอยู่ที่รร.ห้วยทรายทอง ห่างไป 4 กม. มีนายอำเภอและส่วนราชการไปดูแล
นาย ไพบูลย์ ทิพย์พิมาน นายอำเภอสิชล จ.นครศรีธรรมราช ให้สัมภาษณ์วว่า เตรียมความพร้อมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วงแรกคาดว่าพายุจะเข้าชุมพร แต่กดอากาศความเย็นของภาคเหนือ ทำให้พายุถูกผลักให้ต่อลงมา จึงพัดมาเข้าทางนครศรีฯ ที่ทุกฝ่ายปฏิสนธิทำงานด้วยกัน อพยพผู้คนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะผู้ป่วย คนที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ที่เหลืออยู่เป็นกลุ่มผู้ชาย ที่แข็งแรงในการเฝ้าบ้านและพื้นที่ไว้
นอภ.ระบุด้วยว่า ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี โดยช่วงเย็นมีการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกับรองผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมแผนรับมือตามสถานการณ์ โดยมีกำลังทหาร หน่วยรบพิเศษ กำลังพลประจำการได้จัดกำลังกันออกไป 140 นาย รับผิดชอบ 2 อำเภอคือ อ.ขนอม และอ.สิชล ที่ติดกับฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อคอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยไม่ประมาท
ทางอำเภอได้ตั้งศูนย์ นำเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นนำมาแจกจ่ายแล้ว หากการประชุมของหน่วยงาน อาจจะได้ข้อสรุปว่า ต้องการให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง แต่สิ่งจำเป็นขณะนี้คือ อพยพผู้คนก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
นายอำเภอสิชล ระบุด้วยว่า ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี โดยจะมีการประชุมหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องร่วมกับรองผู้ว่าฯ นครศรีฯ เพื่อเตรียมแผนรับมือตามสถานการณ์ และมีกำลังทหาร หน่วยรบพิเศษ กำลังพลประจำการได้จัดกำลังกันออกไป 140 นาย แต่ต้องรับผิดชอบอ.ขนอม และสิชล ที่ติดกับฝั่งอันดามัน คอยช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยไม่ประมาท
ทางอำเภอได้ตั้งศูนย์ นำเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นนำมาแจกจ่ายแล้ว หากการประชุมของหน่วยงาน อาจจะได้ข้อสรุปว่า ต้องการให้ช่วยเหลืออะไรบ้าง แต่สิ่งจำเป็นขณะนี้คือ อพยพผู้คนก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการกีดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจสภาพอากาศตลอดทั้งวัน มีฝนตกปรอยๆโดยไม่มีแสงอาทิตย์ท้องฟ้าปกคลุมเมฆฝนสีเทาคลื่นลมทะเลพัดแรงชาวประมงก็นำเรือขยับเรือเข้าไปลึกในปากน้ำเพราะทราบว่าพายุลูกนี้มีความรุนแรง