นายกรัฐมนตรี ประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ผู้ว่า 14 จังหวัดภาคใต้ และ 2 จังหวัดภาคกลางตอนล่าง ติดตามพายุปาบึกใกล้ชิด ย้ำห่วงใยประชาชนและเจ้าหน้าที่ ยืนยันรัฐบาลพร้อมรับมือ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอสื่อเสนอข่าวอย่างระวัง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีประชุมวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ทางไกลกับผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ และ 2 จังหวัดภาคกลางตอนล่างที่จะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก โดยมี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมถึงผู้บัญชาการเหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์
โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นการประชุม เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุปาบึกที่จะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยในคืนวันนี้ไปจนถึงวันที่ 6 มกราคม 2562 ยืนยันมีความพร้อม 24 ชั่วโมง และมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าแล้ว
โดยกรมอุตุนิยมวิทยา ได้รายงานสถานการณ์ว่า พายุมีศูนย์กลางอยู่ที่อ่าวไทยตอนล่าง และอยู่ทางตะวันออกของจังหวัดปัตตานี 300 กิโลเมตร
และทางตะวันออกเฉียงใต้ของอำเภอปากพนัง ประมาณ 400 กิโลเมตร การเคลื่อนตัวของพายุเคลื่อนตัวอยู่ทางตะวันตกขึ้นทางเหนือเล็กน้อยประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมงส่วนพลังที่เป็นศูนย์กลางของพายุอยู่ที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งยังอยู่ในทะเล คาดว่าพลังจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อเคลื่อนตัวเข้าฝั่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่อำเภอปากพนังและอำเภอสิชล
ส่วนสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA รายงานว่า คลื่นที่อยู่ในทะเลสูงถึง 3 เมตร เมื่อพายุเข้ามาในภาคพื้นจะสูงมากขึ้นจนถึง 5 เมตร และอาจจะเกิดปรากฏการณ์น้ำหนุน
ขณะที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า อิทธิพลจากพายุจะทำให้เกิดปริมาณฝนสูงถึง 300 มิลลิเมตรต่อชั่วโมงและจะทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก ดินพังทลายได้สั่งทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมให้สั่งเคลื่อนย้ายนักท่องเที่ยวและประชาชนเข้ามาที่แผ่นดินใหญ่ให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้
โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการกระทรวงคมนาคม ติดตามเส้นทางที่อาจจะได้รับผลกระทบ และให้หาเส้นทางหลีกเลี่ยง พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่มีความพร้อมแต่ได้สั่งให้ประสานงานกันอย่างใกล้ชิดรวมถึงวางแผนการทำงานแบบกระจายรอบด้าน ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องทำให้ประชาชนปลอดภัย ระบายน้ำอย่างรวดเร็ว และต้องคำนวนการพร่องน้ำให้เพียงพอป้องกันการขาดแคลนน้ำ รวมถึงให้สถานที่ราชการและโรงพยาบาลเตรียมระบบสำรองไฟ และประสานงานกับมูลนิธิต่างๆหากต้องการยืมยานพาหนะรวมถึงเรือท้องแบน และเตรียมระบบสื่อสารระหว่างกันให้ดี
ทั้งนี้ได้ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก หากเกิดเหตุการณ์ให้เคลื่อนย้ายได้ทันที ซึ่งทางรัฐบาลมีแนวทางในการเยียวยาและฟื้นฟูแล้ว พร้อมกล่าวว่ามนุษย์ต้องอยู่กับธรรมชาติให้ได้ ขอให้รู้ว่านายกรัฐมนตรีห่วงใยคณะทำงานทั้งหมด พร้อมขอสังคมและคนไทยส่งกำลังใจช่วยเจ้าหน้าที่ นอกจากนี้ยังขอสื่อมวลชนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง เพราะไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก โดยขอให้รายงานข้อเท็จจริงเพื่อให้ประชาชนสามารถป้องกันตัวเองได้