svasdssvasds

รวบแล้ว 4คน แชร์ข่าวปลอมกาแฟแก้วหมื่นสอง อ้างไม่รู้พร้อมขอโทษทำวุ่นวาย [คลิป]

ตำรวจปอท. จับผู้เผยแพร่ ข่าวปลอมได้ 4 คน กรณีเผยแพร่ ส่งต่อข่าว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมรัฐมนตรี กินกาแฟแก้วละ 12,000 บาท รวมเป็นเงิน เกือบ 82,000 บาท โดยระบุว่า ใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง

ที่ห้องประชุม ปอท.ชั้น 4 อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 4 มีนาคม  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม.พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ ผบก.จร. พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น ผบก.ปอท. พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก. สน.ห้วยขวางและ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท.ร่วมกันแถลงผลการจับกุม

1.นายบุญยืน แสนคูณ อายุ43 ปี

2.นายวิศรุต ธีรปัญญาวัฒน์ อายุ 34 ปี

3.นายปรีชา ทัศนา 31 ปี

4.นายเกษมสันต์ ทวยมาตร์ อายุ 38 ปี

หลังกลุ่มผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมเผยแพร่หรือส่งต่อข้อความ ข่าวสารอันเป็นเท็จ กรณีเผยแพร่ข่าวพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรัฐมนตรี ดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง รวมเป็นเงิน 82,000 บาท ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐและความมั่นคงของชาติ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากปรากฎข่าวในโลกสังคมออนไลน์ว่าโดยได้มีการโพสต์บทความบิดเบือนให้ร้ายรัฐบาลในเว็บไซต์ https://www.one31news.com โดยพาดหัวข่าวว่า “เบิกงบกาแฟแก้วละ 12,000” ซึ่งปรากฎเนื้อหาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมรัฐมนตรี ดื่มกาแฟแก้วละ 12,000 บาท โดยใช้งบสวัสดิการในตำแหน่ง รวมเป็นเงิน 82,000 บาท พร้อมกับนำภาพประกอบที่มีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และนายไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษา มาตัดต่อร่วมกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดจากข้อมูลที่คาดเคลื่อนจนประชาชนหลงเชื่อได้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจริง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับหน่วยงานรัฐและความมั่นคงของชาติ ต่อมาพันเอกบุรินทร์ ทองประไพ หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานด้าน กฎหมาย คสช. ได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษในกรณีดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนบก.ปอท. ให้ร่วมสืบสวนหาผู้กระทำความผิด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาทางบก.ปอท. บูรณาการร่วมกับ ศปอส.ตร. ทำการสืบสวนสอบสวนทราบว่ามีผู้เผยแพร่และส่งต่อข่าวปลอมดังกล่าว 6 ราย โดยหนึ่งในนั้นมีพล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมอยู่ด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าว ถือเป็นการนำเข้าเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ถือเป็นความผิดตามมาตรา 14 (2)และ14(5) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติมซึ่งมีอัตราจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ.

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการออกหมายเรียกทั้ง 6 ราย รวมทั้งพล.ท.พงศกร รอดชมภู มารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ 4 คน โดยขั้นตอนจากนี้จะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 หาก พล.ท.พงศกร และนายประพฤทธ์ แจ้งท้วม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่เหลือ 2 คนสุดท้าย ยังไม่มาพบ ก็จะดำเนินการขอหมายจับต่อไป

“อย่างไรก็ตามในห้วงเวลานี้ใกล้สู่การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะมีการหาเสียงจากผู้สมัครรับเลือกตั้งและอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีสร้างความปั่นป่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งสร้างข่าวปลอมโจมตีใส่ร้ายรัฐบาลและผู้สมัครรับเลือกตั้งทำลายความเชื่อมั่นต่อความมั่นคงของประเทศและก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน จึงขอให้ผู้เสพข่าวเสพอย่างมีสติไตร่ตรอง ก่อนที่จะแชร์ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวออกไป เพื่อไม่ให้ตกเป็นผู้ต้องหาในความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์” ผบช.สตม. กล่าว

พล.ต.ต.ไพบูลย์ กล่าวว่า จึงอยากฝากเตือนถึงคนที่ผลิตข่าวเว็บปลอม ทางเรารู้หมด ว่ามีใครบ้างให้หยุดการกระทำเสีย นอกจากนี้ยังรวมถึงเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่ไปโฆษณาในเว็บปลอมด้วยโดยถ้ายังไม่หยุดต่อไปจะถือว่าท่านมีส่วนร่วมการกระทำความผิดร่วมด้วย

ด้านผู้ต้องหารายหนึ่งกล่าวขอโทษ โดยกล่าวว่า ตนไม่ได้มีความตั้งใจจะสร้างความปั่นป่วนกับสังคม เห็นเพื่อนแชร์มาก็แชร์ไปเท่านั้น

มีรายงานว่าสำหรับพล.ท.พงศกร รอดชมภู เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 14 รุ่นเดียวกับ พลเอก อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผบ.ทบ. “บิ๊กแป๊ะ” พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล “บิ๊กโก้” พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียง อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ก่อนการก้าวสู่ตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

related