สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เผยแพร่ผลการนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม อย่างไม่เป็นทางการ 95% เฉพาะ ส.ส. 350 เขต 77 จังหวัด โดย พรรคพลังประชารัฐ ได้จำนวน ส.ส. 96 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 137 ที่นั่ง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผย ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง จำนวน ส.ส.เขต อย่างไม่เป็นทางการ 95% รวม 350 เขต 77 จังหวัด โดย พรรคเพื่อไทยได้ไปมากที่สุด 137 ที่นั่ง รองลงมาคือพรรคพลังประชารัฐ ได้จำนวน ส.ส. 97 ที่นั่ง อันดับ 3 คือ พรรคภูมิใจไทย 39 ที่นั่ง อันดับ 4 พรรคประชาธิปัตย์ 33 ที่นั่ง อันดับ 5 พรรคอนาคตใหม่ 30 ที่นั่ง อันดับ 6 มี 2 พรรค คือพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคประชาชาติ ได้ 6 ที่นั่ง เท่ากัน อันดับ 7 มี 2 พรรคเช่นกันคือ พรรคชาติพัฒนา และพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ไปพรรคละ 1 ที่นั่ง
ขณะที่คะแนนรวม หรือ Popular Vote ของพรรคการเมือง 5 ลำดับแรก ประกอบด้วย
1. พลังประชารัฐ 7,939,937 คะแนน
2.เพื่อไทย 7,423,361 คะแนน
3. อนาคตใหม่ 5,871,137 คะแนน
4. ประชาธิปัตย์ 3,704,654 คะแนน
5. ภูมิใจไทย 3,512,446 คะแนน
หากดูจากจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 65.96% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 51.2 ล้านคน หรือประมาณ 33 ล้านคน เมื่อนำมาคำนวณคะแนนเสียงเพื่อใช้เป็นตัวเลข ส.ส.พึงมี ของแต่ละพรรคจะอยู่ที่ประมาณ 66,700 คะแนน ต่อ ส.ส. 1 คน จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ มีจำนวน ส.ส.พึงมีประมาณ 119 คน หมายความว่าพรรคพลังประชารัฐที่ได้ ส.ส.เขตไปแล้ว 97 ที่นั่ง จะได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 22 ที่นั่ง รวมเป็น 119 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ที่ได้ ส.ส.เขต 39 ที่นั่ง คำนวณ ส.ส. พึงมีได้ประมาณ 52 ที่นั่ง จะได้ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 13 ที่นั่ง
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้ ส.ส.เขต 33 ที่นั่ง คำนวณส.ส.พึงมีได้ประมาณ 56 ที่นั่ง แสดงว่าจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 23 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ที่ได้ ส.ส.เขต 30 ที่นั่ง เมื่อรวมตัวเลข ส.ส.พึงมี ที่ได้ประมาณ 88 ที่นั่ง จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 58 ที่นั่ง
ส่วนพรรคเพื่อไทยที่ได้ ส.ส.เขต 137 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าเกินจากจำนวน ส.ส.พึงมีที่จะได้ประมาณ 110 เสียง ก็จะไม่ได้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเพิ่ม
ทั้งนี้ ถ้ามาแยกเป็นภูมิภาค เริ่มจาก กรุงเทพมหานคร มี 30 เขต พรรคพลังประชารัฐ ได้จำนวนที่นั่งมากที่สุด มี ส.ส. 12 เขต ส่วนพรรคอนาคตใหม่ และพรรคเพื่อไทย แบ่งที่นั่ง ส.ส.กันไปเท่าๆกัน พรรคละ 9 เขต
ส่วนในจังหวัดหัวเมืองเหนือ เช่น เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้จำนวน ส.ส. 9 เขต พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย และพลังประชารัฐได้ ส.ส.อย่างละ 2 เขต ส่วน อนาคตใหม่ ได้ ส.ส. 1 เขต ลำปาง 4เขต เป็นของพรรคเพื่อไทย กำแพงเพชร 4 เขต - พลังประชารัฐ (ภาคเหนือเพื่อไทยครองแชมป์)
จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น แบ่งเป็น เพื่อไทย ได้ 8 เขต อนาคตใหม่และพลังประชารัฐ ได้ ส.ส. อย่างละ 1 เขต สุรินทร์ 5 เขต เป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ ได้พรรคละ 1 เขต บุรีรัมย์ ส.ส. 8 เขต เป็นของภูมิใจไทย (ภาคอีสานเพื่อไทยครองแชมป์ ส่วนภูมิใจไทยก็มาแรง)
ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี 5 เขต เป็นของพลังประชารัฐ ส่วนอีก 3เขต พรรคอนาคตใหม่ ฉะเชิงเทรา แบ่งไปพรรคละ 2เขต คือ อนาคตใหม่ และพลังประชารัฐ สระแก้ว 3 เขต เป็นของพลังประชารัฐ (ภาคตะวันออกพลังประชารัฐมาวิน)
ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ส.ส.จำนวน 3 เขต เป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ส่วนอีก 5 เขต พรรคประชาธิปปัตย์ ส.ส. เขต พัทลุง 2 เขต เป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ส่วนอีก 1 เขต คือพรรคประชาธิปปัตย์ สุราษฎร์ธานี 6 เขต ส.ส.พรรคประชาธิปปัตย์ครองแชมป์ (ประชาธิปัตย์ยังมีภาคใต้เป็นฐานเสียง แต่สูสีกับพลังประชารัฐ)