"สจ.โจ้" ลูกบุญธรรมป๋าเปรม เผยเคล็ดลับอายุยืนย่าง 99 ปี

ผู้สื่อข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยัง บ้านเลขที่ 315/1-2 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ของ ครอบครัวพฤกษ์พนาเวศ เพื่อพูดคุยกับ นายองอาจ พฤกษ์พนาเวศ อายุ 48 ปี หรือ "สจ.โจ้" ซึ่งถือได้ว่าเป็นคนที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รักและเอ็นดูสเมือนลูกบุญธรรม เห็นได้จากรูปถ่ายของครอบครัวกับพล . อ.เปรม ที่มีเป็นจำนวนมากภายในบ้าน

นายองอาจ เปิดใจว่า ไม่เคยคิดว่าจะได้มีความใกล้ชิดกับ พล.อ. เปรม จนกระทั่งเมื่อปี 2544 คนจัดทำอาหารประจำตัวของท่านเสียชีวิตลง ซึ่งถือเป็นความโชคดีของตน ที่ขณะนั้นครอบครัวประกอบธุรกิจโรงแรมราชพฤกษ์ ซึ่งมีความถนัดด้านบริการอาหารอยู่แล้ว จึงอาสาเข้าไปทำ ปรากฏว่าอาหารถูกปากถูกใจพล.อ.เปรมมาก เเละก็ได้เข้าไปดูแลเรื่องอาหารให้ท่าน โดยพล.อ. ให้เรียกว่า “ปู่” ให้ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน

ทุกครั้งที่ พล.อ.เปรม เดินทางมาที่ จ. นครราชสีมา ก็จะมาเยี่ยมครอบครัวของตนเป็นประจำ โดยจะชอบมาแบบส่วนตัวเงียบๆ ไม่มีทหารติดตาม บางครั้งก็เรียกครอบครัวเข้าไปพบในบ้านของท่านที่ ถนนสืบสิริ เเละบ่อยครั้งที่พล.อ.เปรมได้เรียกให้ตนขับรถไปรับที่บ้าน เพื่อพาไปวิ่งชมเมืองโคราชตามจุดต่างๆ แม้แต่ตอนที่ตนเองแต่งงาน พล.อ.เปรม ก็ได้เขียนคำอวยพรด้วยลายมือลงในแผ่นกระดาษ มีใจความว่า “ขอให้โจ้และภรรยา มีความสุข และสมปรารถนาทุกอย่าง”

อีกมุมที่คนให้ความสนใจมาก คือเรื่องของการรักษาสุขภาพของท่าน เพราะมีสุขภาพแข็งแรงดีมาก จนอายุยืนย่าง 99 ปีแล้ว ก็ยังสามารถยืนตัวตรงเป๊ะ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็พยายามสังเกตตลอด ท่านเป็นคนที่แม้จะอายุมากแล้ว แต่ความจำแม่นมาก เชื่อว่ามาจากการรับประทานอาหาร และการออกกำลังกาย

ด้าน นาง นงลักษณ์ พฤกษ์พนาเวศ แม่ของนายองอาจฯ กล่าวว่า พล.อ. เปรม ชอบทานปลามาก และไม่ชอบทานของมันๆ ส่วนผลไม้ที่ชอบที่สุดคือกล้วยน้ำว้า ที่จะต้องทานทุกวันอีกอย่างก็คือ "ขนมครก" ทุกครั้งที่ท่านมาเยี่ยมที่บ้าน ก็จะมาเล่นกับหลานๆ มีครั้งหนึ่งในช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ปรากฏว่าท่านแต่งตัวชุดสีดำมา พบกับลูกหลานแต่งชุดสีแดง ยังหยอกว่าทำไมไม่บอกว่าจะใส่ชุดสีแดงกัน ปู่เลยกลายเป็นแกะดำอยู่คนเดียวเลย

นอกจากนี้ พล.อ. เปรม ยังชอบสุนัขมาก มีประกวดสุนัขเมื่อไหร่จะต้องให้ลูกชาย (สจ.โจ้) พาไปทุกครั้ง ตอนนี้ตนและคนในครอบครัวรู้สึกเสียใจมาก โดยหลังจากนี้ก็จะเก็บรูปภาพที่เคยถ่ายไว้กับท่าน ใส่กรอบอย่างดี ถ้ามีโอกาสก็อยากจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ไว้ให้ลูกหลานได้ดูในอนาคตต่อไป