บลูมเบิร์ก ชี้ ปัญหาโลกร้อน กระทบผลผลิตเกษตรในเอเชีย

สำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่า แม้ว่าหลายพื้นที่ของจีนจะเผชิญฝนตกมากสุดในรอบ 60 แต่ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญหล่อเลี้ยงอินโดจีน กลับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่ทางตอนใต้ของอินเดียก็เผชิญวิกฤตภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง

นายโดนัลด์ คีนีย์ ที่ปรึกษาด้านสภาพอากาศต่อเกษตรกรรมระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ภาวะแห้งแล้งนั้นมีเพิ่มมากขึ้น และจะทำให้ผลผลิตการเกษตรลดลงในช่วงปลายปีนี้ ไปจนถึงปีหน้า

บลูมเบิร์กรายงานถึงสถานการณ์รายประเทศเช่น อินเดียเป็นผู้ผลิตน้ำตาลรายใหญ่สุดของโลกคู่กับบราซิล แต่ภัยแล้งที่รัฐมหาราษฏระและรัฐกรณาฏกะจะทำให้ผลผลิตน้ำตาลปีนี้ของอินเดียต่ำที่สุดในรอบสามปี และจะส่งผลจต่อการส่งออกน้ำตาลของประเทศ

ขณะที่อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกปาล์มน้ำมันรายใหญ่สุดของโลก ก็กำลังต้องประเมินผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงสามเดือนข้างหน้า ว่าจะส่งผลต่อสถานการณ์ปีหน้าอย่างไร รวมถึงทางการกำลังเฝ้าระวังภัยแล้งในเกาะบอร์เนียวซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญนอกจากนี้การผลิตข้าวก็ยังได้รับผลกระทบด้วย เพราะบางพื้นที่บนเกาะชวา ไม่มีฝนตกมามากกว่า 60 วันแล้ว

สำหรับประเทศไทย บลูมเบิร์ก ระบุว่า เป็นผู้ปลูกยางพาราอันดับต้นๆของโลก และเป็นผู้ส่งน้ำตาลและข้าวรายใหญ่ของโลกด้วย ภัยแล้งในลางพื้นที่ส่งผลกระทบต่อการเก็บเกี่ยวพืชผลการเกษตร และทางการไทยได้ปรับลดคาดการณ์ผลิตผลอ้อนและการส่งออกข้าวแล้ว

ด้านเวียดนาม ก็เผชิญคลื่นความร้อนและภัยแล้งหลายพื้นที่ ส่งผลต่อการปลูกข้าวและยางพาราเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การปลูกกาแฟในตอนกลางของประเทศ ยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก