“ชวน หลีกภัย” อวยพรปีใหม่ ให้กำลังใจ พ้นวิกฤตเศรษฐกิจ

เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 1 ม.ค. 63 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้อวยพรปีใหม่แก่พี่น้องประชาชนชาวไทย ให้กำลังใจ ผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจ โดยมีเนื้อหาทั้งหมดดังนี้

“ขอสวัสดีปีใหม่พี่น้องทุกคนนะครับ ในวารดิถีปีใหม่ 2563 ก็ขอเอาใจช่วยพี่น้อง เพราะเหตุว่าในช่วงที่ผ่านมาหลายปี ภาวะเศรษฐกิจของบ้านเมืองไม่ค่อยดีนัก ราคาพืชผลการเกษตรตกต่ำ มันก็มีผลกระทบไปทั้งวงจร

“เพราะฉะนั้นในปีใหม่นี้ หวังอย่างยิ่งว่า พี่น้องจะผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาไปได้ ก็ให้กำลังใจทั้งผู้แก้ปัญหา และพี่น้องผู้ประสบปัญหา ให้ผ่านพ้นวิกฤตได้ครับ ขอสวัสดีปีใหม่กับพี่น้องทุกครับ สวัสดีครับ”

เมื่อถามว่า สิ่งดีๆ ที่ต้องการเห็นในปี 2563 นายชวนกล่าวว่า “...เรื่องของความมีระเบียบวินัยของบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้เรากำลังรณรงค์เรื่องอุบัติเหตุให้ลดลง มันก็มีคำถามว่า แล้วทำไมบ้านเราถึงผิดปกติจากที่อื่น ทำไมถึงมีอุบัติเหตุสูง ติดอันดับโลก ตายติดอันดับโลก รถยนต์ไม่ดีหรือ ถนนไม่ดีหรือ ซึ่งมันก็ไม่ใช่

“สิ่งเหล่านี้เราก็มีเหมือนประเทศอื่น แต่ว่าผมเข้าใจว่า สำคัญก็คือ ระเบียบวินัย คำว่าระเบียนวินัย ไม่ใช่ซ้ายหัน ขวาหัน พร้อมกันนะครับ แต่มันหมายถึงการเคารพกฎหมายบ้านเมือง ฉะนั้นผมคิดว่า อันนี้เป็นสิ่งที่เป็นหัวใจของบ้านเมือง...

“แต่ถ้าบ้านเมืองเราขาดหลัก เรื่องความมีระเบียบวินัย ก็ยากที่จะไปสู่เป้าหมายของความสมบูรณ์ 100 % เพราะฉะนั้นเราต้องทำเรื่องนี้อย่างจริงจัง แล้วเราไม่ต้องมารณรงค์ปีใหม่ว่า ตายเท่าไหร่ ลดเท่าไหร่ เราไม่ต้องมารณรงค์ว่าประหยัดได้แค่ไหน พอมีวินัยแล้ว มันจะทำให้หลายเรื่องเป็นไปอย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติน่ะครับ แม้แต่เรื่องการทุจริตคอรัปชั่น ความมีระเบียบวินัย ก็จะช่วยลดสิ่งเหล่านี้ไปด้วย

“เพราะฉะนั้นผมอยากเห็นสิ่งนี้ครับในบ้านเมืองเรา มีโอกาสพัฒนาไปข้างหน้า ด้วยประชาชนคนไทย และสังคมของเรามีระเบียบวินัย”

และเมื่อถามว่า ในฐานะต้นแบบหรือแบบอย่างที่อย่างคนชื่นชมนั้น มีความแนะนำที่ต้องการมอบไว้ให้กับคนรุ่นใหม่อย่างไรบ้าง นายชวนกล่าวว่า  “ไม่บังอาจเป็นต้นแบบอะไรนะครับ แต่ว่าเป็นคนที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์ สุจริต แล้วก็เคารพกฎเกณฑ์กติกาบ้านเมือง ดังนั้นเมื่อตัดสินใจเป็นนักการเมือง ก็มาในวิถีทางประชาธิปไตย แล้วก็ด้วยวิธีที่ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต ไม่โกงเลือกตั้ง ไม่ซื้อเสียง ปฏิบัติหน้าที่ใดๆ ก็ตาม ไม่เอาประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้ง แต่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม แล้วก็นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม

“เรามีตัวอย่างคนในบ้านเมืองนี้มากมาย ในหลวง หรือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เพราะว่าเราเป็นเมืองที่มีศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพุทธ มุสลิม หรือเป็นคริสต์ หรือว่าเป็นศาสนาอื่นก็ตาม ต่างก็มีหลักยึด

“ถ้าเราสอนให้ปฏิบัติ ไม่ใช่เพียงแต่ท่องได้ แต่ว่าปฏิบัติ ผมคิดว่าบ้านเมืองเราอยู่ในเรื่องภาคปฏิบัติ เรามีอะไรที่ดีๆ แต่ว่าเรามีจุดอ่อนเรื่องของภาคปฏิบัติ เหมือนกับพูดประชาธิปไตยทุกคนพูดเหมือนกัน อยากเห็นประชาธิปไตย แต่ว่าจริงๆ กี่คนที่ปฏิบัติประชาธิปไตยที่ถูกต้อง เช่น ไม่โกง ไม่ซื้อเสียง ไม่ทุจริต อันนี้มีข้อจำกัดอยู่ ฉะนั้นผมคิดว่า คนไทยต้องหันมาปฏิบัติจริง ไม่ใช่เพียงแต่พูดในสิ่งที่ดี แต่ว่าปฏิบัติในสิ่งนั้นได้ด้วยครับ”