"อาการแพนิค" แห่กักตุนอาหาร รับมือโควิด 19 ถูกหรือผิด?

แพนิค สภาวะ Panic Disorder แห่กักตุนอาหาร รับมือ โควิด 19 คือแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องหรือไม่? กลายเป็นหัวข้อถกเถียงว่าเหมาะสมต่อสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้มากน้อยแค่ไหนหลังยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดพุ่ง 114 ราย

16 มี.ค. 2563 ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีรายงานการไปจับจ่ายใช้สอย "กักตุนอาหาร" ของประชาชน โดยมีภาพยืนยันสถานการณ์ไม่ปกติผู้คนแห่ต่อคิวซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะอาหารจำพวก บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า ปลากระป๋อง กระดาษชำระ และอาหารแห้งที่สามารถเก็บไว้ได้นาน

ภาพไวรัลจากต่างประเทศเกิดเป็นกระแสเรียกร้องให้คนที่ยังหนุ่มสาวและยังแข็งแรงช่วยซื้ออาหารและของใช้จำเป็นแต่พอควร อย่าลืมนึกถึงผู้สูงอายุซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สุด Cr. Poetry of Bitch

จากเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นผลมาจากสถานการณ์ โควิด 19 ในไทยที่ยอดติดเชือ้วันเดียว 32 ราย ยอดรวมพุ่ง 114 ราย จนประชาชนหวั่นวิตกว่าจะเข้าสู่มาตรการ COVID 19 เฟส 3 ที่ต้องเก็บตัวอยู่ภายในที่พักอาศัยหลายสัปดาห์

สำหรับอาการแพนิค หรือ Panic Disorder คือสภาวะตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน ซึ่งมีการถกเถียงถึงความเหมาะสมของการ "แห่กักตุนสินค้า" โดยมีเหตุผลรองรับอย่างชัดเจนทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งแฟนเพจดังอย่าง Drama-addict ได้ออกมาแสดงความเห็นโดยเปรียบเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ระบุใจความสำคัญว่า "อันนี้คนถามมาเยอะว่าควรกักตุนอาหารรึยัง ความเห็นส่วนตัวคือ ตอนนี้สถานการณ์มันต่างกับช่วงน้ำท่วมนะ ช่วงน้ำท่วมนั่นคือ เส้นทางลำเลียงอาหาร สินค้าต่างๆมันจะถูกตัดขาด จนการขนส่งลำบาก แต่สมมุติว่า สถานการณ์การติดเชื้อเราแย่ลง จนมีการปิดเมืองเกิดขึ้น แต่ในส่วนของสายการผลิตอาหาร และวัตถุดิบ มันยังทำงานของมันต่อไปได้ รวมถึงระบบโลจิสติคก็ยังทำงานได้ตามปรกติ"