svasdssvasds

ตรวจแนวรบดิจิตอล : คุมโซเชียล! ไทยกลับยุค ‘ดึกดําบรรพ์’

ตรวจแนวรบดิจิตอล : คุมโซเชียล! ไทยกลับยุค ‘ดึกดําบรรพ์’

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

ตรวจแนวรบดิจิตอล : คุมโซเชียล! ไทยกลับยุค ‘ดึกดําบรรพ์’

 

‘สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปฯ (สปท.).’ นี่คงเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่สร้างความร้อนแรงบนโลกออนไลน์ สวนกระแสความเจริญของเทคโนโลยี และดูเหมือนจะสร้างดราม่าบนโลกโซเชียลแซงหน้า กสทช. ที่คิดเรื่องกำกับสื่อ OTT เพราะเมื่อวันจันทร์ (3 ก.ค.) ที่ผ่านมา สปท. ด้านสื่อมวลชนเสนอให้ปฏิรูปสื่อโซเชียลมีเดีย ด้วยการเข้าควบคุม เล่นเฟซบุ๊กต้องใช้สแกนลายนิ้วมือ ใบหน้าเลขบัตร เชื่อว่า ถ้าใครได้ฟังแล้วก็ไม่รู้จะหาคำบรรยายไหนมาขอบคุณความหวังดี สปท. ที่กำลังดึงประเทศกลับสู่ยุค ‘ดึกดําบรรพ์’

 

 

สปท. อ้างว่า ทุกวันนี้สังคมโซเชียลมีเดียมีปัญหาเต็มไปหมด คนติดโซเชียลมีเดียงอมแงม จนอยู่ในสภาวะ ‘สังคมก้มหน้า เขาเป็นห่วงว่า “คนไทยขาดความรู้และความเข้าใจในการใช้สิทธิเสรีภาพการสื่อสาร บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคม ขาดมาตรจริยธรรมในการสื่อออนไลน์” จนกระทบต่อสังคม การเมือง เศรษฐกิจ และสถาบันหลักของประเทศ ขอถามกลับว่า “ห่วงหรือบดขยี้เรากันแน่”

 

ตรวจแนวรบดิจิตอล : คุมโซเชียล! ไทยกลับยุค ‘ดึกดําบรรพ์’

 

ชำแหละขอเสนอสปท.

สปท. เชื่อว่า ควร ใช้หมายเลขบัตรประชาชนยืนยันตัวตนในการใช้สื่อออนไลน์ โดยเชื่อว่าจะช่วยสร้างผลทางจิตวิทยาทำให้ผู้ไม่หวังดี ไม่กล้าใช้สื่อออนไลน์ ทำผิดกฎหมายได้ จัดระบบการเข้าถึงสื่อออนไลน์ผ่านมือถือด้วยการใช้ลายนิ้วมือ ใบหน้า ควบคู่กับการลงทะเบียนด้วยบัตร ตั้งศูนย์กลางบริหารจัดการข้อมูลผู้ใช้มือถือเพื่อตรวจสอบข้อมูลได้ตลอดเวลาและจากทุกพื้นที่ เพื่อดูว่ามีใครทำผิดกฎหมาย เพิ่มประสิทธิภาพ ศูนย์กลางเฝ้าระวังและปรับโครงสร้างการทำงานใน ปอท. จับใส่เทคโนโลยีตรวจสอบใบหน้า ข้อความ รูปภาพ คลิป เสียง ทุกประเภท เพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ข้อเสนอระยะยาวที่น่าจับตาอย่างมาก คือ การให้รัฐบาลส่งเสริมผลิตซอฟต์แวร์ หรือแพลตฟอร์มสื่อโซเชียลมีเดียเป็นของตัวเอง ลดการพึ่งพาโซเชียลมีเดียต่างชาติ เพื่อป้องกันความสูญเสียด้านการกำกับดูแลที่กฎหมายไทยล้าหลัง รายได้จากการเก็บภาษี

 

พูดง่าย ๆ  สปท. อ้างปัญหาที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย โบ้ยประชาชนไม่รู้เท่าทันสื่อและนำไปสู่การละเมิดกฎหมาย ลามสู่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงเรื่องการเมืองด้วย จึงคิดควบคุมโซเชียลมีเดียแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งไม่ความคิดนี้ไม่ต่างกับ ‘Single Gateway’ แต่ที่ต่างคือ เป็นการบังคับที่ประชาชนไม่ใช้โครงข่าย ถ้ารัฐอยากเปิดหน้าเดินต่อใส่กุญแจมือชาวเน็ตแบบนี้ ก็คงต้องกล้าทำแบบจีนหน่อย ปิดหู ปิดตา ประชน ห้ามใส่ชื่อสื่อเชียลระดับโลกไปเลย สิ่งที่สปท.เสนอแบบนี้หรือ...เรียกว่า  ‘ความหวังดี’

 

related