svasdssvasds

เชื่อมั่นประเทศไทย ทำงานใหญ่ต่อไป

เชื่อมั่นประเทศไทย ทำงานใหญ่ต่อไป

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

 

เชื่อมั่นประเทศไทย ทำงานใหญ่ต่อไป

โดย Facebook Page : เอนก เหล่าธรรมทัศน์ AnekLaothamatas

 

 

อ่านด้วยความพิศวง ข่าวใหญ่ ! ไทยจะเริ่มและเร่งทำรางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-โคราช ได้แล้ว ในที่สุด ลงทุนเองถึง 1.8 แสนล้าน และ คสช. ออก ม.44 ด้วย เพื่อจะเร่งทำกันอย่างรวดเร็ว ขื่อว่า รถไฟความเร็วสูง แล้วจะทำกันช้า ๆ ยืดยาด เหยาะแหยะ ได้อย่างไร ? คิดย้อนมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ นั่นเราเริ่มคิดตั้งแต่ตอนผมยังไม่เข้าเรียนจุฬาฯ นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ อยู่โรงเรียนเตรียมทหาร กว่าจะเสร็จได้ก็ปี 2549 โน่น ผมอายุ 52 ปี แก่เลย ยังดีไม่ช้าจนคนรุ่นผมอายุ 60 และระหว่างที่ทำและช่วงทำเสร็จใหม่ ๆ ก็มีแต่เสียงตักเตือน เย้ยเยาะ ถากถางว่า ทำไปทำไมใหญ่โตมโหฬารอย่างนั้น เพ้อเจ้ออยู่ พร่ำเพ้ออยู่หรือเปล่า ตอนที่อธิบายว่าทำไมต้องใหญ่ชนาดนั้น ใครที่ไหนจะแห่มาใช้มากมายอย่างนั้น ความจริง : ตรงข้ามกับที่คิด ไม่ถึงสิบปี กลายเป็นว่าสุวรรณภูมินั้น “ใหญ่” ไม่พอเสียแล้ว กรุงเทพฯ เรา โดยไม่คาดฝัน กลายเป็นเมืองที่ผู้คนทั่วโลกบินมาลงมากที่สุด และยังคิดย้อนถึงอีกเรื่องคล้ายกันอีกเรื่อง รถไฟลอยฟ้าในกรุงเทพฯ ที่เรียก บีทีเอส ไงครับ บ่นกันจัง ว่ากันจริง "ทำลายทัศนียภาพ" สถานีบีทีเอสจะนำความ"พลุกพล่าน" และ คน "แปลกหน้า" มาให้วัด โรงเรียน และ มหาวิทยาลัย จำได้แม่น ศิษย์เก่าผู้ปกครอง ครู รร มาแตร์ออกมาต้านรถไฟกันเกรียวกราว แต่ ผมเชื่อ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ต่อมา ความจริงคือ : ทุกวันนี้กรุงเทพฯ เรามีทั้งบีทีเอส มีทั้งรถไฟใต้ดิน ใช้กันได้ดีทีเดียว ไม่แพง สะอาด สะดวก ปลอดภัย ไปไหนง่ายขึ้น เร็วขึ้น เยอะ ยังจะต้อง “ขยาย” อีกซึ่งใคร ๆ ก็ไม่ค้านอีกแล้ว และคนทั้งโลกก็มาใช้และชื่นชมกัน 

ประเทศไทยนั้นแปลก อธิบายยาก แต่ก็มาได้ดี ครับ มองเผิน ๆ แล้ว ไม่น่าจะมารอด ไม่น่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ คนไทยเอง “งง” ว่า เราพากันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร วิจารณ์กัน วิพากษ์กัน ถกเถียงกัน มาตลอด 

ย้อนกลับไปแต่ยุคที่ฝรั่งล่าอาณานิคม ในสุวรรณภูมินั้นมีสามชาติใหญ่ พม่านั้นแข็งแกร่งกว่าเราชัดเจน ตีกรุงศรีฯ แตกได้ถึง สองครั้ง ส่วนเวียดนามนั้นคงแข็งแกร่งทัดเทียมกัน เพราะรบกันในเขมรถึง 15 ปี ไม่แพ้ไม่ชนะ ในที่สุดพม่าและเวียดนามต้อง “สูญชาติ” ลาวเขมรมลายูนั้นไม่ต้องพูดถึง อ่อนกว่ามาก ถูกฝรั่งยึดครองยิ่งง่ายดาย ส่วนไทยกลับยัง “อยู่ยั้งยืนยง” จีนซึ่งใหญ่กว่าเรามากมายก็หวิด “สูญชาติ” โดยเฉพาะจากการรุกรานเหี้ยมหาญของญี่ปุ่น ประเทศเกาหลีที่วัยรุ่นไทยวันนี้ยกย่องนับถือ ยังต้องตกเป็นของญี่ปุ่นในตอนนั้น และ ภารตประเทศ หรือ อินเดีย มารดาแห่งพุทธและพราหมณ์ ของเราแท้ ๆ ยังตกเป็นของอังกฤษ แต่สยาม ทายาท นั้นยังคงอยู่รอดต่อมา

เกาหลี พม่า เวียดนาม และอินเดียที่กล่าวมา วันนี้กลับมามีเอกราชได้อีก แต่ ไม่แน่ดอกถ้าไม่มีสงครามโลกที่เจ้าอาณานิคมรบกันเองสองครั้ง ยับเยินไปทั้งสองฝ่าย ทุกวันนี้อาจจะไม่มีสามสี่ประเทศนี้ในแผนที่โลก จีนและอินเดีย ทุกวันนี้กลับรุ่งเรืองยิ่งใหญ่ได้แต่กล่าวได้ว่าประวัติศาสตร์ของทั้งสองชาตินี้ผ่านช่วง “ขาลง” ใหญ่ ๆ มาแล้ว 

ชาติต่าง ๆ ในโลก ย่อมมีทั้งประวัติ “ขาขึ้น” และ “ขาลง” แต่ประวัติศาสตร์ไทยนั้น ยังไม่มี “ขาลง” หนัก ๆ น่าดีใจ แต่ไม่ประมาท กรุงแตกสองครั้ง นั่น จัดเป็นขาลง แต่ก็เพียงช่วงสั้น ๆ  ในยุคฝรั่งอาณานิคม เขาสูญชาติกันเกือบทั้งทวีปเอเชีย อัฟริกา และทวีปละตินอเมริกา เราก็ “รอด” ได้ อย่างไม่น่าเชื่อ  สงครามโลกครั้งที่สองที่สุดจะนองเลือดเหี้ยมโหด เราก็อยู่รอดปลอดภัยจากการคุกคามของกองทัพญี่ปุ่นและแสนยานุภาพทางอากาศของเครื่องบินฝรั่ง เหลือเชื่อ แทบจะไม่มีคนไทยเจ็บตาย ต่อมาอีก ในช่วงสงครามเย็น 2489-2532 เขารบกันป่นปี้สามสี่สิบปีในแถบเอเชียอาคเนย์นี้ เราก็แทบไม่เสียหาย กลับเอาช่วงเวลานั้นมาพัฒนาเศรษฐกิจจนล้ำหน้าเพื่อนบ้านที่สำคัญไม่น้อยอีก คือในสงครามใน ช่วงปี 2508-2525 ที่สู้รบอย่างหนักกับกองกำลังพรรคคอมมิวนิสต์ เราก็สามารถสงบศึกนั้นได้อย่างน่าทึ่ง

"วิกฤตต้มยำกุ้ง" ซึ่งอุบัติที่ประเทศเราและส่งผลลบออกไปทั่วเอเชีย ยี่สิบปีที่แล้ว หนักหน่วงที่สุด แต่เราก็เอาตัวรอดมาได้ "วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์" เมื่อสิบปีที่แล้ว เกิดที่อเมริกา ความเสียหายลุกลามไปทั่วโลก เราก็เสียหายน้อยมาก ครับ

ประเทศไทยทุกวันนี้ไม่ “ธรรมดา” แล้วครับ แน่นอน ปัญหายังมีไม่น้อย เสียงบ่น ตักเตือน วิจารณ์หลายเรื่องมีมูล ต้องรีบแก้ไข บางเรื่องน่าเป็นห่วง แต่ภาพใหญ่ : เรามาถึงจุดที่ไกลกว่าเดิมมากมายแล้ว เราเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบน ครับ คนส่วนใหญ่ไม่ใช่คนจนแล้ว เป็นคนชั้นกลางแล้ว แบบมั่นคงหรือไม่ ถกเถียงกันได้ แต่ขนาดเศรษฐกิจของประเทศใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของโลก นับด้วยกำลังซื้อที่เป็นจริงนะครับ กรุงเทพฯ ของเราก็เป็นเมืองสำคัญของโลกไปด้วย อย่างแน่นอน ทำไม ? ก็เพราะมีคนทั่วโลกมาเยือน มาทำงาน มาพักผ่อน มารักษาตัว รวมกันแล้ว มากที่สุดในโลก ถ้าเราไม่มีอะไรดี อะไรปลอดภัย อะไรน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าพักผ่อน น่ารักษาตัว ใครในโลกจะแห่กันมามากมายอย่างนี้ ผมว่าอย่าเชื่อแต่เสียงวิจารณ์ หรือ เสียงบ่น ของเรากันเองแต่เพียงอย่างเดียว จำนวนคนต่างชาติสามสิบกว่าล้านคนต่อปีที่มาเยือนไทย อาจถือเป็น "ประชามติ" อ้อม ๆ จากโลกว่าไทยแลนด์นี้ ดี คำแนะนำ : จงมั่นใจประเทศเรา และทำงานใหญ่ ต่อไป

รถไฟที่จะเชื่อมโยงกับจีนในไม่ช้า ก็จะเชื่อมไทยเข้ากับประเทศเพื่อนบ้านได้หมด ลงใต้ไปจนถึงสิงคโปร์ ในห้าปีสิบปีนี้ เราจะเป็นศูนย์กลางของเออีซี ของเออีซีบวกจีน ภายในสิบถึงสิบห้าปี เราอาจจะ "ยืด" ตัวเองด้วยทางรถไฟและด้วยทางหลวงลงใต้ต่อไปอีก ไปจนถึงเกาะสุมาตราและเกาะชวาของอินโดนีเซีย ภายในสิบปีเราอาจเชื่อมผ่านพม่าไปต่อกับอินเดียผ่านทางบกได้  และเราอาจทำแลนด์บริดจ์ตะวันตก-ตะวันออกยาวเหยียด จากทะวายมา กาญจน์ ราชบุรี ลงอ่าวไทยที่สมุทรสงคราม หรือมากรุงเทพฯ แล้วต่อไปถึงพนมเปญ ไปสุดทางที่โฮจิมินห์ หากทำเช่นนั้นได้ เราก็จะเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียเข้ากับมหาสมุทรแปซิฟิก ได้

ยังมีงานใหญ่กว่านี้รออยู่มากครับ แต่รถไฟกรุงเทพฯ-โคราช ย่อมเป็นเพียงก้าวแรกในการสร้างพื้นฐานการขนส่งคมนาคมและลอจิสติกส์ในยุคบูรพาภิวัตน์ ในห้วงเวลาอันเป็นศิริมงคลยิ่ง คือ การเริ่มรัชสมัยของรัชกาลที่ 10 ที่จะเต็มไปด้วยความหวังใหม่ และด้วยอนาคตใหม่ของคนไทย ของพสกนิกร  ทั้งมวล ไทยเราควรจะก้าวต่อไปครับ ไม่ควรหยุดยั้ง อย่างเร่งรีบจริงจัง แต่ก็ไม่ผลีผลาม ต้องรอบคอบที่สุด ต้องยอมปรับปรุงแก้ไขได้ มากหรือน้อย ทั้งต้องน้อมใจรับฟังกันได้ เชื่อใจกันได้ ทนได้ ชื่นชมได้ ต่อทุกเสียงและทุกความคิดเห็น

 

related