"บังฟัต" ฉี่ออกแล้ว! หลังเครียดนอนคุก เข้ม 24 ชม.หวั่นถูกเก็บ 

นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต เริ่มปรับตัวและปัสสาวะออกแล้ว หลังเครียดจนฉี่ไม่ออกระหว่างนอนเรือนจำคืนแรก ขณะที่เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ ยังสั่งคุมเข้มตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกับสั่งตรวจสอบผู้เข้าเยี่ยมอย่างเข้มข้น หวั่นฝ่ายตรงข้ามแฝงตัวมาเอาคืน

วันที่  24 ก.ค. 60- ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ นำตัวผู้ต้องหา 8 คน ประกอบด้วย นายซูริก์ฟัต หรือบังฟัต บ้านนบวงศ์สกุล อายุ 41 ปี หัวหน้าแก็ง และ พวกอีก 7 คน ในดีฆ่าล้างครัวนายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ เป็นผัดแรก 12 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งในคืนแรกที่อยู่ในเรือนจำนั้น ผู้ต้องหาก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะนาย ซูริก์ฟัต ไม่ค่อยทานอาหาร และ ฉี่ไม่ออก ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คน ก็ยังมีอาการวิตกกังวลเช่นกัน เนื่องจากบางคน ถูกว่าจ้างให้ไปร่วมทวงหนี้ ผู้ตายแต่ไม่คิดว่าจะมีการสังหารคนจำนวนมากถึง 8 คน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีเด็กรวมอยู่ด้วย 

ความคืบหน้าล่าสุด วานนี้ นายสมศักดิ์ เตียงตระกูลทอง ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ เปิดเผยถึงความเป็นอยู่ของผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ว่า ขณะถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ คืนที่ 2 นั้น พบว่า ทุกคนเริ่มผ่อนคลาย มีอาการดีขึ้นกว่าวันแรก โดยเฉพาะนายซูริก์ฟัต สามารถกินอาหารได้ตามปกติแล้ว ทั้ง 3 มื้อ และฉี่ออกแล้วเนื่องจากเริ่มปรับตัวเข้ากับผู้ต้องขังได้ ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ และสามารถพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ 

ทั้งนี้ จากการสอบถาม บังฟัต ถึงสาเหตุที่ได้ก่อคดีอุกฉกรรจ์ในครั้งนี้ ทราบว่าเกิดจากความแค้น มีปัญหาเรื่องที่ดินกับผู้ใหญ่บ้านที่เสียชีวิต และลงมือเพียงคนเดียว ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมา บังฟัตให้ข้อมูลว่าถูกคู่กรณีส่งคนลอบยิงมาแล้ว แต่ไม่ได้แจ้งความ ซึ่งตนก็ได้บอกกับบังฟัตว่าไม่ควรไปตัดสินใจทำแบบนั้น เพราะมันไม่ดีกับตัวเอง อีกทั้งบ้านเมืองมีกฎหมาย ต้องปล่อยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการ 

ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ เปิดเผยอีกว่า ถึงแม้ว่า บังฟัต จะมีอาการดีขึ้น แต่ก็ยังต้องจัดคนคอยประกบ 3 คน มีผู้คุม 1 นาย และ นักโทษชั้นเยี่ยมที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว อีก 2 คน เพื่อคอยสังเกตพฤติกรรม นอกจากนี้ก็ได้กำชับเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบ บุคคลที่มาขอเยี่ยมผู้ต้องหา หากไม่ได้เป็นญาติใกล้ชิด ก็สั่งห้ามเยี่ยมโดยเด็ดขาด ยกเว้นญาติ พ่อแม่ ผู้ต้องหา ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อเข้าเยี่ยมผู้ต้องหาแต่อย่างใด 

ในส่วนของผู้ต้องหาอีก 7 คน ซึ่ง มีผู้ต้องหาหญิง 1 คนนั้น ในคืนที่สองที่ถูกคุมขังในเรือนจำ พบว่า ทุกคนก็เริ่มผ่อนคลาย เริ่มปรับตัวได้ มีการพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขัง ที่อยู่ในห้องเดียวกัน ทุกคนก็ลดความวิตกกังวล มีอาการดีขึ้นกว่าวันแรกที่เข้ามา คาดว่าประมาณไม่เกินสัปดาห์ก็สามรถปรับตัวได้เหมือนผู้ต้องขังรายอื่นทั่วไป