"วิษณุ" เผย อายัด16บัญชี และถอนเงิน "ยิ่งลักษณ์" จริง ตาม พ.ร.บ.รับผิดทางละเมิด
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
"วิษณุ" ชี้แจงอายัด 5 บัญชีนางสาวยิ่งลักษณ์แล้วจริง แต่เป็นไปตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539
วันนี้ (27 ก.ค. 60) - นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่กรมบังคับคดีได้ยึดทรัพย์และถอนเงินออกไปจากบัญชีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ต้องเข้าใจว่ามีคดีอยู่หลายคดี ในส่วนของคดีอาญา ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ หากถูกตัดสินว่ามีความผิดก็อาจจะนำไปสู่เรื่องของการดำเนินคดีแพ่งต่อไป ซึ่งในกรณีนี้ยังไม่สามารถยึดทรัพย์ได้จนกว่าศาลจะตัดสิน แต่ในส่วนของการบังคับคดีทางปกครอง ที่ดำเนินการก่อนหน้านี้กว่า 1 ปีแล้ว สั่งได้มีการตรวจสอบพบว่ามีทรัพย์สินแบ่งเป็นส่วนคืออสังหาริมทรัพย์ และ บัญชีเงินในธนาคาร ประมาน 10-20 ธนาคาร
พบว่าในส่วนของเงินในบัญชีเป็นจำนวนเงินไม่มาก จึงจำเป็นต้องอายัด ไม่ให้มีการจำหน่ายจ่ายโอนออกนอกบัญชี ไว้ก่อน ในขณะที่ส่วนอสังหาริมทรัพย์ประมาน 40 ราย ก็ได้มีการแจ้งประสานกับกรมที่ดินจะต้องมีการอายัดไว้เช่นเดียวกัน เพื่อไม่ให้มีการทำธุรกรรมในการถ่ายโอน แต่ยืนยันว่ายังไม่ยึดมาเป็นของหลวง หรือนำทรัพย์สินไปขายทอดตลาดโดยกรรมสิทธิ์ทุกอย่างยังคงเป็นของนางสาวยิ่งลักษณ์เช่นเดิม
ส่วนกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ระบุว่า มีเงินในบัญชีบางส่วนถูกถอนออกไปแล้วนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า "เจ้าหน้าที่ได้มีการอายัดไว้ทั้งหมด 16 บัญชี ซึ่งมีอยู่ 5 บัญชีที่มีเงินจำนวนไม่มาก โดยรวมกันแล้วเป็นเงินจำนวนหลักแสน ได้มีการถอดออกมาไว้ก่อน โดยเงินที่ถอนออกมานั้นยังอยู่ที่กรมบังคับคดี ขณะเดียวกันยืนยันด้วยว่ากรณีเช่นนี้ว่ากรมบังคับคดีสามารถทำได้ หากความจำเป็นด้วยเหตุผลบางอย่าง แต่ส่วนเงินในบัญชีอีก 11 บัญชีที่เหลือเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ดำเนินการใด"
"นางสาวยิ่งลักษณ์สามารถยื่นอุทธรณ์ขอทุเลาต่อศาลปกครองได้ ซึ่งหากศาลปกครองมีคำสั่งสามารถทุเลาได้ก็จะต้อง หยุดการดำเนินการทั้งในส่วนของเงินในบัญชีและอสังหาริมทรัพย์ " นายวิษณุ กล่าวว่า
ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าในกระบวนการสืบทรัพย์ใช้เวลานานแต่กลับมีการเร่งดำเนินการยึดทรัพย์ในช่วงเวลา ที่จะมีการตัดสินในคดีปล่อยปละละเลยโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายวิษณุยังกล่าวว่า เป็นคนละส่วนกัน กรมบังคับคดี ดำเนินการแจ้งกรมที่ดินและธนาคารตั้งแต่ยังไม่ทราบวันที่ศาลนัดพิพากษาคดี อีกทั้งเมื่อตรวจสอบพบแล้วก็จะต้องดำเนินการมิฉะนั้น เจ้าหน้าที่จะถือว่าบกพร่องทางหน้าที่และมีความผิด
