จับตา! ประชุมเออาร์เอฟ หลัง UN คว่ำบาตร 'เกาหลีเหนือ'

การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกกำลังจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ ซึ่งคาดว่า ประเด็นหลักจะเป็นเรื่องของเกาหลีเหนือ การประชุมดังกล่าวจึงน่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะจะเกิดขึ้น หลังคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรฉบับใหม่ต่อเกาหลีเหนือ ติดตามจากรายงาน

การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก หรือเออาร์เอฟ กำลังจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ แน่นอนว่าประเด็นที่หลายฝ่ายจับตามอง คือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ 

นายรี ฮง โย รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมด้วยตนเอง ซึ่งต้องยอมรับว่า จุดยืนของเกาหลีเหนือในการประชุมค่อนข้างเสียเปรียบ เพราะก่อนการประชุมจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ลงมติเป็นเอกฉันท์ ใช้มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่กับเกาหลีเหนือ เพื่อตอบโต้การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปอย่างต่อเนื่อง 

มาตรการคว่ำบาตรใหม่ชุดนี้ จะสั่งห้ามการส่งออกของนานาประเทศ ไปยังเกาหลีเหนือ รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 3 พัน 500 ล้านบาทต่อปี ไม่เพียงเท่านั้น ยังสั่งห้ามเกาหลีเหนือไม่ให้ส่งออกถ่านหิน เหล็ก แร่เหล็ก ตะกั่ว ซึ่งจะตัดรายได้ของเกาหลีเหนือ คิดเป็นเงินกว่า 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี 

ด้านนางนิกกิ ฮาเลย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรฉบับล่าสุดนี้ ถือเป็นบทลงโทษที่เข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

อย่างไรก็ดี นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรชุดใหม่นี้เป็นสิ่งจำเป็น แต่ไม่ใช่มาตรการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด เพราะเป้าหมายควรจะเป็นการให้โอกาสเกาหลีเหนือ กลับสู่โต๊ะเจรจามากกว่า 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น นายหวังอี้ได้หารือกับนายรี ฮง โย รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีเหนือ นอกรอบการประชุม ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ความสัมพันธ์ยังคงเป็นไปด้วยดี แม้จีนจะโดนสหรัฐกดดันอย่างหนักให้เคลื่อนไหวเรื่องเกาหลีเหนือมากกว่านี้ก็ตาม

แม้นายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน มีกำหนดหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศจีน รัสเซีย และเกาหลีใต้ เพื่อหารือมาตรการรับมือเกาหลีเหนือ แต่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนกรานว่า นายทิลเลอร์สันจะไม่หารือกับนายรี ฮง โย อย่างแน่นอน เพราะอันที่จริงก่อนหน้านี้ สหรัฐฯเคยเตือนอาเซียนไม่ให้เชิญคนของรัฐบาลเกาหลีเหนือเข้าร่วมประชุมแล้ว เพื่อโดดเดี่ยวเกาหลีเหนือมากขึ้น แต่ไม่สำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม แม้ในท้ายที่สุด รัฐมนตรีจากเกาหลีเหนือจะเข้าร่วมการประชุมด้วย แต่ในแถลงการณ์ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของชาติสมาชิกที่ออกร่วมกัน ระบุว่าสมาชิกประเทศอาเซียนกังวลต่อความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในคาบสมุทรเกาหลี ความก้าวหน้าของโครงการพัฒนาขีปนาวุธ เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของภูมิภาคและโลก จึงขอให้เกาหลีเหนือทำตามข้อตกลงของสภาความมั่นคงของสหประชาชาติโดยทันที โดยอาเซียนสนับสนุนให้มีการจัดการปัญหาในคาบสมุทรเกาหลีอย่างสงบสุข 

ท่าทีของอาเซียนก็สอดคล้องกับมติจากสหประชาชาติ ดังนั้นการประชุมเออาร์เอฟในวันพรุ่งนี้จึงตาจับตามองอย่างยิ่ง เพราะประเทศที่เกี่ยวข้องกับกรณีความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีเข้าร่วมการประชุมครบทั้ง 5 ฝ่าย เทั้ง เกาหลีใต้ สหรัฐ รัสเซียจีนและเกาหลีเหนือ