ประธานฉาย ย้ำ เนชั่นยังเป็นสถาบันสื่อ รับทาบ อดิศักดิ์ คัมแบ็กจริง

เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา ที่อาคารเนชั่น ถนน บางนาตราด นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พร้อม นายสุภวัฒน์ สงวนงาม กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น นายปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหารเนชั่นทีวี และ น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ประธานสหภาพแรงงานเครือเนชั่น ร่วมแถลงทิศทางการเดินหน้าและจุดยืนของเนชั่น ทีวี ที่อาคารเนชั่น ทีวี หลังเกิดปรากฎการณ์ผู้ประกาศเนชั่นทีวีทยอยลาออกหลายคน ท่ามกลางกระแสข่าวลือต่างๆนาๆมากมาย 

โดย นายฉาย กล่าวว่า เนชั่นทีวีกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 50 ในปีหน้า การที่มีบุคคลคุณภาพลาออกไป เป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ

“องค์กรของเราเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ที่ประชาชนไว้วางใจมาตลอด เราไม่ได้ขายดาราหรือผู้ประกาศ แน่นอนว่าทั้งสองอย่างเป็นองค์ประกอบส่วนหนึ่ง แต่เราขายความน่าเชื่อถือและความจริง ดั่งแสงเทียนนำทางสังคมในยามมืดมิด สะท้อนสังคมที่บิดเบี้ยวโดยไม่เป็นกระจกที่บิดเบี้ยวเอง”

กรณีมีกระแสข่าวว่าเปลี่ยนผู้ถือหุ้นนั้น นายฉาย กล่าวว่า เนชั่นเป็นบริษัทมหาชน มีผู้ถือหุ้นเป็นหมื่นเป็นพัน ไม่มีชื่อของบุคคลทางการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลเข้ามาถือหุ้น โครงสร้างบริหารยังมีกรรมการชุดเดิม มีแต่จะเพิ่มและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

ด้าน นายปกรณ์  พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหารเนชั่นทวี กล่าวเสริมว่า การรายงานข่าวที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้ง มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ แต่สิ่งที่ยืนยันได้คือเรารับฟังความเห็นและการวิพากษ์วิจารณ์ของทุกฝ่าย อะไรที่สังคมตำหนิก็จะนำมาปรับปรุงแก้ไข และเมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยน ผลที่ได้ก็จะเปลี่ยนตามไปด้วยเอง

จุดเด่นเราคือความเข้มข้นของข่าวการเมือง แต่จะเสริมเรื่องข่าวสังคมที่เคยให้น้ำหนักน้อยไป หลังจากนี้เราก็พร้อมรับฟังเสียงสะท้อนต่างๆ ว่าจะถูกใจสังคมหรือไม่

น.ส.นิภาวรรณ แก้วรากมุกข์ ประธานสหภาพแรงงานเครือเนชั่น กล่าวว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานฝ่ายข่าวได้รับผลกระทบจากการนำเสนอข่าวความขัดแย้งทางการเมือง ยอมรับว่ากระทบการทำงานภาคสนาม สหภาพรับฟังเสียงทั้งภายนอกและภายใน และได้สะท้อนถึงผู้บริหารมาตลอด พร้อมปรับแนวทางการทำงาน ซึ่งผู้อำนวยการให้ความมั่นใจว่าเราจะกลับสู่ความเป็นสถาบันสื่อ หรือเนชั่นเวย์ ที่พนักงานทุกคนให้ความสนับสนุน เพื่อให้เป็นที่พึ่งของสังคมต่อไป

นายวีรศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น กล่าวว่า ตลอดอายุการทำงานร่วมกับเนชั่น ซึ่งถือว่ามากที่สุดคนหนึ่งนั้น ผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกับเนชั่นมามากมาย เรื่องนี้ยังถือว่าเล็กน้อย แต่ยอมรับว่ารู้สึกเศร้าใจที่นักข่าวภาคสนามรายงานข่าวการชุมนุมแล้วต้องหลบซ่อน ต้องห่างจากม็อบ เพราะภาพออกมาไม่ค่อยดีนัก ก็ตั้งคำถามว่าเรามาถึงขั้นนี้แล้วหรือ 

“หากเรายึดตามกรอบเนชั่นเวย์มาตลอด 49 ปี ทุกคนก็จะทำงานได้อย่างภาคภูมิใจ แม้ที่ผ่านมาเราจะบิดเบี้ยวไประยะหนึ่ง แต่เมื่อเรายังมีแกนหลักอยู่ครบ วิกฤตต่างๆ ก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

นายวีรศักดิ์ ตอบถึงการกลับสู่เนชั่นเวย์ ว่า เป็นหลักวิธีการทำสื่อที่หลายสถาบันนำไปใช้และต่อยอด เนชั่นเวย์มีการปรับปรุงมาตลอดตามยุคสมัย มีการกล่าวถึงเรื่องสื่อสมัยใหม่ แต่หลักการสำคัญคือการรายงานสื่อที่ให้ความเป็นธรรมกับคนที่ถูกพาดพิงหรือกล่าวหาให้ได้รับการชี้แจง เราอาจไม่ได้พูดถึงความเป็นกลาง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่มีอยู่จริงในการเรียน ที่ผ่านมาเราอาจบิดเบี้ยวไปบ้าง ก็จะต้องดึงกลับมา อย่านำเฮชสปีชมารายงานออกไป

ช่วงท้าย นายฉาย ตอบถึงกระแสข่าวการดึงคนข่าวเนชั่นในอดีตกลับมาว่า ต้นไม้ใหญ่มีการผลัดใบ นกที่เคยเกาะบินออกไป ก็มีโอกาสบินกลับมาได้เสมอ ยอมรับว่ามีการทาบทามพูดคุยกับผู้บริหารเนชั่นทีวีบางรายจริง

ส่วนเนชั่นจะได้รับผลกระทบใดๆหรือไม่นั้น นายฉาย ตอบว่า สำหรับด้านธุรกิจถือว่าไม่ แต่ถือว่ากระทบทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการจากไปแบบใด พี่กนก รัตน์วงศ์สกุล และพี่ธีระ ธัญไพบูลย์ เป็นพิธีกรหน้าจอ พี่ปุ้ม ลักขณา รัตน์วงศ์สกุล ภรรยาพี่กนก อยู่มานานกว่า 27 ปี ทั้งหมดทำคุณประโยชน์มากมายให้องค์กร เป็นต้นแบบการทำงานและวิถีชีวิตให้พนักงานทุกคน ถือเป็นบุคลากรสื่อที่วางตัวดี เป็นสิ่งที่ตนชื่นชมมาเสมอ ประตูบ้านเนชั่นยังเปิดรับพี่ๆ ทุกคนอยู่เสมอ ไม่มีปิด เลือดทุกคนยังเป็นสีน้ำเงิน

“คนที่กล้าหาญจะเห็นโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง นั่นก็คือเรา ที่จะปรับปรุงตามวิชาชีพสื่อ ตรวจสอบทุจริตดั่งสุนัขเฝ้าบ้าน เราจะไม่กลัว นี่คือรากแก้วขององค์กรที่ไม่ได้ถูกทำลายไป ยืนยันว่าในการประชุมบริหารครั้งที่จะถึงนี้ จะมีการทาบทามนายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ อดีตผู้บริหารเนชั่นทีวี กลับมาเป็นผู้บริหารอีกครั้ง รวมถึงบุคลากรอื่นๆ อีก 6-7 ราย”