สิ้นปีแล้วมีเงินเก็บกี่บาท! มาดูกันว่าอายุเท่าไหร่ควรมีเงินเก็บเท่าใด

ปีเก่ากำลังจะผ่านพ้นไป ปีใหม่ ปีวัวกำลังจะย่างก้าวเข้ามาแล้วเร็ว ๆ นี้หลายคนเคยสัญญากับตัวเองและครอบครัวว่าจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้ชีวิตดีขึ้นตลอดทั้งปี 2563  บางคนบอกตัวเองว่าจะลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพตัวเอง และคนที่รักให้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ

บางคนบอกกับตนเองตั้งแต่ต้นปีว่าจะประหยัดอดออม เก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่เป็นออกไป ลดการช้อปปิ้ง ลดการสังสรรค์ ลดกิจกรรมเผื่อสังคมเพื่อที่จะมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็นในอนาคต ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้หลายคนทำได้ แต่ก็มีหลายคนที่ทำไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะเรื่องเงินเก็บเงินออมนี่คือปัญหาโลกแตกเลยก็ว่าได้ ไหนจะค่าบ้าน ค่ารถ ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ทำยังไงก็เก็บออมไม่ได้สักที ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้โควิด -19 ยังระบาดอยู่ทำคนตกงาน บางคนรายได้ลดลง มีรายได้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้น

แต่... ใครที่พอมีกำลังที่จะออมก็ควรเริ่มต้นออมตั้งแต่ตอนนี้ยังไม่สายจะน้อยจะมากยังไงก็ยังดี คุณจะต้องลองปรับเปลี่ยนลดพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือยลง  ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งการหารายได้ใหม่เพิ่มเติมหากใครยังมีช่องทางในการทำมาหากิน

วันนี้ “สปริงนิวส์ออนไลน์” จะพาไปมาดูว่าอายุเท่าไหร่ควรมีเงินเก็บกี่บาท ทั้งนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคนจะได้มีแรงผลักดันในการเริ่มต้นการออมตั้งแต่วันนี้ ส่วนใครที่ยังใช้หนี้ใช้สินอยู่ก็ไม่ต้องกดดันตัวเองมากไป ค่อยเป็นค่อยไปสร้างเนื้อสร้างตัวกันไปเชื่อว่าสักวันจะเป็นของเรา แต่คนที่กำลังเริ่มออม หรือออมมาแล้วลองมาดูตารางเปรียบด้านล่างนี้ ที่จากใช้สูตรคำนวณจาก CFP & Bank of ayudhya

ทั้งนี้ขอย้ำว่า ตัวเลขที่นำมาสมมติคือการคาดคะเนดังนั้นอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริงบ้างทั้งนี้เพื่อชัวร์คุณจะต้องคำนวณเงินเก็บของตัวเองกันด้วย โดยสูตรคำนวณเงินออมจำนวนเงินที่ควรออม = 2 x (อายุปัจจุบัน – อายุเริ่มงาน) x (เงินเดือนปัจจุบัน + เงินเดือนที่เริ่มงาน)

พูดถึงเรื่องการออมแล้ว การออมก็มีหลายรูปแบบ บางคนเลือกที่จะฝากประจำ หรือไม่ประจำ ก็แล้วแต่ว่าจะออมเท่าไหร่ต่อเดือนตามรายได้ที่ได้รับมา หากจะมองไปแล้วแม้ว่าการออมแบบเงินฝากในธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยไม่มากนัก แต่มีความมั่นคงและมีความเสี่ยงต่ำ ไม่เหมือนการลงทุนอื่น ๆ ที่มีความเสี่ยงปานกลาง และเสี่ยงสูง

ส่วนที่จะแนะนำเพิ่มเติม คือ การซื้อประกันเงินออม รูปแบบนี้ก็ถือว่าเสี่ยงต่ำ คนทำงานประจำส่วนใหญ่ก็ทำกัน แต่จะต้องดูเงื่อนไขดี ๆ เพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งจะมีทั้งรูปแบบลงทุนระยะสั้น และระยะยาว จะต้องศึกษาการลงทุนดี ๆ ว่าแบรนด์ไหนจ่ายเบี้ยประกันให้ในอัตราที่สูง และดึงดูดใจมากกว่ากัน

ต่อมาจะแนะนำสำหรับคนที่ไม่ชอบลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ก็แนะนำให้ลงทุนพวกกลุ่ม พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ ส่วนการลงทุนในตลาดทองคำแม้ว่าจะถูกจัดว่าเป็นกลุ่มที่ปลอดภัย และเสี่ยงต่ำ แต่ตอนนี้ราคาทองคำผันผวนมาก ๆ ชักจะไม่แน่ไม่นอนเสียแล้ว

ส่วนใครที่ชอบการลงทุนที่มีความเสี่ยง และได้กำไรในปริมาณที่มาก แต่ก็ถ้าเสียขึ้นมาก็เสียในปริมาณที่มากเช่นกัน อันนี้แนะนำให้เล่นหุ้น Forex หรือบิตคอยน์ แต่จะต้องศึกษาข้อมูลให้ดี หาที่ปรึกษาที่ดี น่าเชื่อถือได้ และตัวนักลงทุนเองจะต้องเชี่ยวชาญในแต่ละด้านพอสมควร ที่อยากแนะนำอีกอย่างหนึ่ง คือการลงทุนในกองทุนเกี่ยวกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และเอกชน อันนี้ก็น่าสนใจเพราะมีความเสี่ยงไม่มากเท่าไหร่ และกองทุนรวมอีทีเอฟที่เกาะกับ SET50 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็น่าสนใจเพราะจะได้ผลตอบแทนดีตาม SET50 ที่ถือว่าเป็นหุ้นเด่นที่ถูกคัดกรองมาแล้ว 50 ตัวแรก

อย่างไรก็ตามสำหรับคนที่ชอบเล่นหวย หรือสลากกินแบ่งรัฐบาล หากถูกรางวัลบ่อยก็ถือว่าดีไป ส่วนใครที่ไม่ถูกรางวัลเลย หรือนาน ๆ ถูกทีก็แนะนำให้ซื้อสลากออมสิน ธกส. ธอส. ไปเพราะความเสี่ยงถือว่ามีไม่มากแถมได้เงินคืนอีก

ใครสนใจออมแบบไหน หรือลงทุนแบบไหนต้องศึกษาให้เข้าใจ และการลงทุนต้องอยู่ในขอบเขตความพอดีกับเงินที่เรามี และไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ย้ำอีกรอบ “การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน”