svasdssvasds

สาวเชียงใหม่ติดโควิด เครียดจัด! เคยคิดทำร้ายตัวเองหลังทราบข่าวจากสื่อ

สาวเชียงใหม่ติดโควิด เครียดจัด! เคยคิดทำร้ายตัวเองหลังทราบข่าวจากสื่อ

พบหญิงแก๊ง 1G1 ลอบเข้าเมืองทาง "ช่องทางธรรมชาติ" ฝั่งอำเภอแม่สาย ติดโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย เป็นรายที่ 43 และ 44 ของ จ.เชียงใหม่ ระบุเป็นการติดเชื้อจากนอกประเทศ ด้านผู้ป่วยรายที่ 42 มีอาการเครียดจัด เคยคิดทำร้ายตัวเองหลังทราบข่าวสารจากสื่อ

จากกรณีที่มีการลักลอบข้ามแดนจาก จ.ท่าขี้เหล็ก กลับเข้าประเทศไทย และมีประวัติเดินทางไปยังหลายสถานที่ต่างๆใน จ.เชียงใหม่ ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในภาคเหนือตอนนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก

ด้าน นายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้กล่าวถึงอาการของผู้ป่วยรายที่ 42 ของ จ.เชียงใหม่ ว่า อาการดีขึ้นเป็นลำดับ แต่ยังมีความเครียดสูง และเคยคิดจะทำร้ายตัวเองหลังทราบข่าวสารจากสื่อมวลชน ส่วนผู้ป่วยรายที่ 43 และ 44 ไม่แสดงอาการ แพทย์จึงให้นอนรักษาตัวในห้องความดันลบ 

ทั้งนี้ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อม นายแพทย์ จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ และ นายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ได้แถลงข่าว กรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด 19 เพิ่ม 2 ราย ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยติดเชื้อรายที่ 43 และ 44 ของจังหวัดเชียงใหม่ 

เป็นหญิงไทยอายุ 23 ปี และ 25 ปี มีประวัติลักลอบข้ามแดนจาก อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ก่อนเดินทางกลับมายังบ้านพักที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังเป็นผู้สัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 รายล่าสุดของจังหวัดพะเยา ที่เดินทางลักลอบเข้าเมืองทางอำเภอแม่สายในวันที่ 27 พ.ย. 
 

นายแพทย์ จตุชัย ระบุว่า จากการลงพื้นที่ของทีมสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่  และสำนักควบคุมโรคที่ 1 ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ได้เดินทางไปทำงานที่ประเทศเมียนมา และเดินทางกลับจากประเทศเมียนมา ในวันที่ 26 พ.ย.โดย "ช่องทางธรรมชาติ" ทางอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย  ก่อนจะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่  และพักอาศัยอยู่ในที่พักส่วนตัว กับญาติ กระทั่งมีเพื่อนชาวจังหวัดพะเยา ที่เดินทางไปทำงานด้วยกันที่ประเทศเมียนมา แวะมาหาที่บ้านพัก ต่อมาเพื่อนคนดังกล่าวได้เดินทางเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิค 19 ที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนจะเดินทางกลับจังหวัดพะเยา และฝากให้เพื่อนที่เป็นผู้ป่วยรายที่ 43 และ 44  ไปฟังผลแทน  

สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ป่วยรายที่ 43 และ 44 

วันที่ 27 พ.ย. เดินทางเข้าประเทศทางพรมแดนธรรมชาติกับเพื่อนรวม 3 ราย โดยการเดินเท้า แล้วต่อรถจักรยานยนต์ เดินทางเข้าประเทศไทย นอนค้างบ้านเพื่อนที่ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 

วันที่ 28 พ.ย. อยู่บ้านเพื่อน อำเภอแม่สาย

วันที่ 29 พ.ย.  นั่งรถรับจ้างไปในตัวเมืองเชียงราย นอนบ้านเพื่อนที่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย 

วันที่ 30 พ.ย. เหมารถจาก จังหวัดเชียงราย เดินทางมาพร้อมกันทั้ง 3 คน รถมาส่งที่บ้านพัก  และหอพักย่านสันติธรรม โดยระหว่างเดินทางไม่ได้แวะที่ไหน และในวันเดียวกันนี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชาวจังหวัดพะเยา ได้มาหาที่บ้านพักและหอพักย่านสันติธรรม ในช่วงค่ำหลังจากไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลเอกชน ใมนจังหวัดเชียงใหม่

1 ธ.ค.ผู้ป่วยรายที่ 43 และ 44 ไปฟังผลให้เพื่อนที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ และพบว่าเพื่อนมีผลเป็นบวกติดเชื้อ เจ้าหน้าที่จึงเข้าซักถามประวัติเพิ่มเติม พบว่ามีประวัติเสี่ยงเพราะเดินทางมาจากพื้นที่ระบาดเช่นกัน จึงได้ติดตามเพื่อนอีก 2 คนมาตรวจด้วยกันทั้งหมด ต่อมาผลผลตรวจยืนยันว่า หญิงรายที่ 43 และ 44 พบเชื้อโควิด-19 เจ้าหน้าที่จึงได้รับตัวไปรักษาที่ โรงพยาบาลนครพิงค์ ส่วนเพื่อน คือ นางสาว A อีกรายมีผลเป็นลบ ขณะนี้กักตัวอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐกำหนด

สำหรับการติดตามผู้สัมผัสกับผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ พบผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จำนวน 3 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 2 ราย ซึ่งขณะนี้ได้เก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด 19 แล้วอยู่ระหว่างรอผล จำนวน 4 ราย ส่วนอีก 1 ราย รอเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด 19 และทางทีมสอบสวนโรคยังคงดำเนินการติดตามค้นหากลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ ต่อไป
 

 

นายแพทย์ จตุชัย ยังได้เน้นย้ำให้ประชาชนที่เดินทางไปร่วมกิจกรรมดนตรีที่ สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 29 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเดียวกับหญิงชาวจังหวัดพะเยาที่ติดเชื้อโควิด 19 เดินทางไปเที่ยว ให้กักสังเกตอาการตัวเอง จนครบ 14 วันหลังสัมผัส (พ้นระยะกักตัว 14 ธ.ค.2563) หากมีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก จมูกไม่ได้กลิ่น ให้รีบไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง พร้อมบอกอาการเสี่ยงสัมผัส รวมถึงสามารถประเมินตนเองได้จากแอพพลิเคชั่น แบบคัดกรองตนเองสำหรับผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

ขณะเดียวกันยืนยันว่า ในรายที่ 43 และ 44 นี้ เป็นการติดเชื้อจากนอกประเทศ ไม่ใช่การติดเชื้อในพื้นที่ จึงไม่มีความจำเป็นที่ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อกลับไปแล้วจะต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน

 

related